วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559

การรับใช้พระเจ้าด้วยทรัพย์สินเงินทอง มัทธิว 6:19-21

โครงร่างคำเทศนา
หัวเรื่อง                        การรับใช้พระเจ้าด้วยทรัพย์สินเงินทอง
พระธรรม        มัทธิว  6:19-21
คำนำ
ในช่วงปลายปีของทุกปี คริสเตียนมักจะจัดงานหลายอย่าง เช่น งานอวยพรเชียงราย การจัดคอนเสิร์ต W501 ของอนุชนโปรเตสแต้นท์เชียงราย งานโฮลี่ซิตติ้ และงานคริสตมาส เป็นต้น ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก  จึงมีหนังสือขอรับการถวายมายังคริสตจักรต่างๆ หลายคนก็รู้สึกว่าเป็นภาระหลายคนก็ยินดีสนับสนุนตามกำลัง  แล้วแต่ละคริสตจักรก็ยังขอให้สมาชิกถวายเพื่อสนับสนุนงานต่างๆอีกมากมาย  ฉะนั้นวันนี้เราจะมาใคร่ครวญด้วยกันในหัวเรื่อง “การรับใช้พระเจ้าด้วยทรัพย์สินเงินทอง”
1.            ความหมาย “การรับใช้พระเจ้าด้วยทรัพย์สินเงินทอง”
1.1.     คำว่าทรัพย์   หมายถึง   วัตถุที่มีรูปร่าง สามารถจับต้องได้ เห็นได้ต้องมีราคาและอาจถือเอาได้
1.2.     คำว่าทรัพย์สิน หมายถึง  วัตถุมีรูปร่างหรือไม่มีรูปร่างก็ได้ ซึ่งอาจมีราคาและอาจถือเอาได้
1.3.     ทรัพย์สมบัติ  หมายถึง ทรัพย์สินที่อยู่ในครอบครองอันอาจใช้สอย แจกจ่ายได้
1.4.     ในพระคัมภีร์หมายถึง  การถวายทรัพย์ เช่นการถวายสิบลด การถวายตามใจสมัคร การถวายพิเศษ การถวายขอบพระคุณ รวมถึงการให้ใช้ทรัพย์สินหรือสิ่งใดๆ ที่ไม่ใช่เงิน เพื่อประโยชน์ในงานของพระเจ้า ทั้งในคริสตจักรท้องถิ่นและคริสตจักรสากล
2.            ความสำคัญของ “การรับใช้พระเจ้าด้วยทรัพย์สินเงินทอง”
2.1.     เพื่อใช้ในการสร้างและซอมแซมพระนิเวศน์ของพระเจ้า  2 พศด 24:4-5,8-10
4ภายหลังโยอาชทรงตั้งพระทัยที่จะซ่อมแซม พระนิเวศของพระเจ้า 5พระองค์ทรงประชุมปุโรหิตและคนเลวี   และตรัสกับเขาทั้งหลายว่า   “จงออกไปตามหัวเมืองยูดาห์และเก็บเงินจาก อิสราเอลทั้งปวง   เพื่อซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้าของเจ้าเป็นปีๆไป   และจงรีบทำงานนั้น”
2.2.     เพื่อเลี้ยงดูผู้รับใช้พระเจ้า รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆของคริสตจักร ฉธบ 18:4-5, 1ทธ 5:17-18, 1 คร 9:8-14
4ผลรุ่นแรกของท่านคือ  ผลข้าว  ผลเหล้าองุ่น  ผลน้ำมัน   และขนแกะรุ่นแรกที่ได้จากแกะของท่าน  จงมอบให้แก่ปุโรหิต 5เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้า ของท่านได้เลือกเขาจากเผ่าชนทั้งสิ้นของท่าน   ให้ยืนปรนนิบัติในพระนามพระเจ้า   ทั้งตัวเขาและบุตรหลานของเขาสืบต่อกันไปเป็นนิตย์  
17จงถือว่าผู้ปกครองที่ปกครองดีนั้นสมควรได้รับเกียรติสองเท่า   โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปกครองที่เทศนาและสั่งสอน 18เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า   อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัว  เมื่อมันกำลังนวดข้าวอยู่   และคนงานสมควรจะได้รับค่าจ้างของตน

2.3.     เพื่อมีส่วนร่วมในการรับใช้พระเจ้า (ทางอ้อม)  2 คร 9:12
12เพราะว่าการรับใช้ในการปรนนิบัตินั้น   มิใช่จะช่วยธรรมิกชนซึ่งขัดสนเท่านั้น   แต่ยังเป็นเหตุให้มีการขอบพระคุณพระเจ้าเป็นอันมากด้วย
2.4.     เพื่อช่วยเหลือธรรมิกชนและการสังคมสงเคาระห์ 1 คร 16:1-2   ,2 คร 9:1-15
1เรื่องการเรี่ยไรเพื่อช่วยธรรมิกชนนั้น   ข้าพเจ้าได้สั่งคริสตจักรที่แคว้นกาลาเทียว่าอย่างไร   ก็ขอให้ท่านจงกระทำเหมือนกันด้วย 2ทุกวันต้นสัปดาห์   ให้พวกท่านทุกคนเก็บเงินผลประโยชน์ที่ได้รับไว้บ้าง   เพื่อจะไม่ต้องเก็บเรี่ยไรเมื่อข้าพเจ้ามา  1ข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องเขียนถึงท่าน   ในเรื่องการสงเคราะห์ธรรมิกชน
2.5.     เป็นของประทานอย่างหนึ่งเพื่อให้เรารับใช้พระเจ้า   รม 12:8
ถ้าเป็นการเตือนสติก็จงเตือนสติ   ถ้าเป็นการบริจาค   ก็จงให้ด้วยใจกว้างขวาง   ผู้ที่ครอบครอง   ก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่   ผู้ที่แสดงความเมตตา   ก็จงแสดงด้วยใจยินดี 9
2.6.     เป็นเหตุให้มีการขอบพระคุณพระเจ้าและสรรเสริญพระเจ้า  2 คร 9:11, 13
11โดยทรงให้ท่านทั้งหลายมีสิ่งสารพัดมั่งคั่งบริบูรณ์ขึ้น   เพื่อให้ท่านมีแจกจ่ายอย่างใจกว้างขวาง   ซึ่งโดยเราจัดแจก   จะให้เกิดการขอบพระคุณพระเจ้า 12เพราะว่าการรับใช้ในการปรนนิบัตินั้น   มิใช่จะช่วยธรรมิกชนซึ่งขัดสนเท่านั้น   แต่ยังเป็นเหตุให้มีการขอบพระคุณพระเจ้าเป็นอันมากด้วย 13และเนื่องจากผลแห่งการปฏิบัตินั้น   เขาจึงสรรเสริญพระเจ้า   โดยเหตุที่ท่านทั้งหลายยอมฟัง   และตั้งใจอยู่ในอำนาจข่าวประเสริฐของพระคริสต์   และเพราะเหตุท่านได้แจกจ่ายแก่เขา   และแก่คนทั้งปวงด้วยใจกว้างขวาง
3.            พระสัญญาของ “การรับใช้พระเจ้าด้วยทรัพย์สินเงินทอง”
3.1.     พระเจ้าจะอวยพระพรอย่างล้นไหลมาเหนือท่าน  มลค 3: 9-10
10พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า  จงนำทศางค์ เต็มขนาดมาไว้ในคลัง   เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา   จงลองดูเราในเรื่องนี้ดูทีหรือว่า   เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า   และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่
3.2.     พระเจ้าจะทรงปกป้องไม่ให้เกิดความเสียหาย    มลค 3: 11
11เราจะขนาบตัวที่ทำลายให้แก่เจ้า   เพื่อว่ามันจะไม่ทำลายผลแห่งพื้นดินของเจ้า   และผลองุ่นในไร่นาของเจ้าจะไม่ร่วง   พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
3.3.     พระเจ้าจะให้การงานที่ทำมีความจำเริญขึ้น   2 คร 9:10
10ฝ่ายพระองค์ผู้ประทานพืชแก่คนที่หว่าน   และประทานอาหารแก่คนที่กิน   จะทรงโปรดให้พืชของท่านที่หว่านแล้วนั้นทวีขึ้นเป็นอันมาก   และจะทรงให้ผลแห่งความชอบธรรมของท่านเจริญยิ่งขึ้น
3.4.     เท่ากับให้พระเจ้าทรงยืมแล้วพระองค์จะทรงตอบแทนให้   สภษ 19:17
17บุคคลที่เอ็นดูคนยากจนก็ให้พระเจ้าทรงยืม     และพระองค์จะทรงตอบแทนแก่การกระทำของเขา  
3.5.     ยิ่งแจกจ่ายยิ่งเพิ่มพูน  2 คร 9:8-9
8และพระเจ้าทรงฤทธิ์อาจประทานของดีทุกสิ่งอย่างอุดมแก่ท่านทั้งหลาย   เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ   ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างด้วย 9ตามที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้ว่า เขาแจกจ่าย  เขาให้แก่คนยากจน     ความชอบธรรมของเขาดำรงอยู่เป็นนิตย์  
ข้อคิด  ผู้ที่ส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ก็ได้ใช้ทรัพย์สมบัติของตนเพื่อรับใช้พระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อและเต็มใจ แล้วท่านจะมีบริบูรณ์ในแผ่นดินสวรรค์


สวรรค์ 2 โครินธ์ 12.1-4


พระธรรม              2 โครินธ์ 12.1-4
ข้าพเจ้าจำเป็นต้องอวด แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์  แต่ข้าพเจ้าจะพูดต่อไปถึงนิมิตและการสำแดงที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า 2ข้าพเจ้ารู้จักชายคนหนึ่งที่อยู่ในพระคริสต์ เมื่อสิบสี่ปีที่แล้วเขาถูกรับขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นที่สาม (จะไปทั้งร่างกายหรือไปโดยไม่มีร่างกายข้าพเจ้าไม่รู้  พระเจ้าทรงรู้) 3ข้าพเจ้ารู้ว่าชายคนนี้ 4ถูกรับขึ้นไปยังเมืองบรมสุขเกษม และได้ยินถ้อยคำที่บอกไม่ได้ซึ่งไม่อนุญาตให้มนุษย์กล่าวถึง 5
หัวข้อ    สวรรค์
คำนำ
คำถามที่ได้ยินบ่อยมากคือ ตายแล้วไปไหน   คำตอบที่มักจะได้ยินก็คือ สวรรค์   (หรือนรก  ไม่มีใครอยากไป)    หรือหากถามว่าตายแล้วอยากไปไหน  คำตอบคืออยากไปสวรรค์   วันนี้เราจะมาใคร่ครวญด้วยกันเกี่ยวกับคำว่า สวรรค์
1.              อะไรคือสวรรค์  “ความหมาย”
1.1.       พุธศาสนาสอนว่า   สวรรค์คือดินแดนที่มีอารมณ์เลิศด้วยดี  เป็นที่อยู่ของเทวดา (มี  6 ชั้น)  สาเหตุที่มาเป็นเทวดาก็เพราะการสร้างบุญกุศลขณะที่ยังเป็นมนุษย์   (วัดพระธรรมกายสอนว่า  ทำบุญ 1 พันได้ไปสวรรค์ชั้นที่ 1 ทำบุญ 1 หมึ่นได้ไปสวรรค์ชั้นที่ 2  ทำบุญ 1 แสน ไปสวรรค์ชั้นที่ 3 ทำบุญ 1 ล้าน ไปสวรรค์ชั้นที่ 4 ทำบุญ 10 ล้านไปสวรรค์ชั้นที่ 5 ทำบุญ 50 ล้านไปสวรรค์ชั้นที่ 6)
1.2.       คริสต์ศาสนาสอนว่า สวรรค์เป็นที่ประทับของพระเจ้า และจัดเตรียมไว้เป็นที่อยู่ของธรรมมิกชน ของพระองค์ หลังจากความตาย เป็นอาณาจักรฝ่ายวิญญาณไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา  กิจการ 7 .49   ยอห์น 14.1-3      49'สวรรค์เป็นที่ประทับของเรา และแผ่นดินโลกเป็นที่รองเท้าของเรา
1“อย่าให้ใจของพวกท่านเป็นทุกข์เลย พวกท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย 2ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่มีเราคงบอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน 3เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย 4

2.              คำที่ใช้ต่างกันแต่มีความหมายเดียวกัน
2.1.       สวรรค์ (กจ 7.49 สวรรค์เป็นที่ประทับของเรา และแผ่นดินโลกเป็นที่รองเท้าของเรา )
2.2.       ฟ้าสวรรค์     กิจการ 1:11:  สองคนนั้นกล่าวว่า “ชาวกาลิลีเอ๋ย ทำไมพวกท่านถึงยืนจ้องมองฟ้าสวรรค์พระเยซูองค์นี้ที่ทรงรับ ไปจากท่านทั้งหลายขึ้นไปยังสวรรค์นั้น จะเสด็จมาอีกในลักษณะเดียวกับที่ท่านทั้งหลายได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์นั้น”  
2.3.       แผ่นดินสวรรค์     มัทธิว 4:17:  ตั้งแต่นั้นมา พระเยซูทรงตั้งต้นประกาศว่า “จงกลับใจใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว” 
2.4.       แผ่นดินของพระเจ้า   มัทธิว 9:35:  พระเยซูจึงทรงดำเนินไปตามเมืองและหมู่บ้านโดยรอบ ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขาทั้งหลาย ทรงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
2.5.       อ้อมอกของอับราฮัม   ลูกา 16.23  เศรษฐีนั้นจึงแหงนดูเห็นอับราฮัมอยู่แต่ไกล   และลาซารัสอยู่ที่อกของท่าน
2.6.       นิเวศน์ของพระบิดา    ยอห์น 14:2:  ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่เป็นอันมาก   ถ้าไม่มีเราคงได้บอกท่านแล้ว   เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย
2.7.       เมืองบรมสุขเกษม    ลูกา 23:43:   ฝ่ายพระเยซูทรงตอบเขาว่า   “เราบอกความจริงแก่เจ้าว่า   วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม”
3.              สวรรค์หรือแผ่นดินของพระเจ้าที่มาถึงแล้ว   ลูกา 17.20-21
20เมื่อพวกฟาริสีทูลถามพระองค์ว่า แผ่นดินของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อไหร่ พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “แผ่นดินของพระเจ้าจะไม่มาด้วยสิ่งที่จะสังเกตได้ 21และเขาจะไม่พูดกันว่า 'มาดูนี่' หรือ 'ไปดูโน่น' เพราะนี่แน่ะ แผ่นดินของพระเจ้านั้นอยู่ท่ามกลางพวกท่าน”
3.1.       ด้านกายภาพหมายถึงเขตอำนาจการปกครองของพระเจ้า
3.2.       ด้านฝ่ายวิญญาณหมายถึง  การปกครองของพระเจ้าในชีวิตผู้เชื่อ หรือธรรมมิกชนของพระองค์
3.3.       เราได้รับแผ่นดินของพระเจ้าโดยการบังเกิดใหม่ (เชื่อในพระเยซูคริสต์)   ยอห์น 3.3,5  ” 3พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าคนใดไม่ได้เกิดใหม่ คนนั้นไม่สามารถเห็นแผ่นดินของพระเจ้า” 4นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า “คนชราจะเกิดใหม่ได้อย่างไร?   จะเข้าไปในท้องของแม่ครั้งที่สองแล้วเกิดใหม่ได้หรือ?5พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าใครไม่ได้เกิดจากน้ำและพระวิญญาณ คนนั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ 6
4.              สวรรค์หรือแผ่นดินของพระเจ้าที่จะมาอีกในอนาคต  มัทธิว 6.9-12
9“เพราะฉะนั้นพวกท่านจงอธิษฐานเช่นนี้ว่า  ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้สถิตในสวรรค์   ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ  10ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่  ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก
4.1.       หมายถึง การขยายราชอาณาจักรของพระเจ้าออกไป คริสเตียนต้องประกาศข่าวประเสริฐ
4.2.       หมายถึง  วันหนึ่งพระเยซูคริสต์จะเสด็จมาปกครองโลกมนุษย์ในยุคพันปี
4.3.       หมายถึง วันหนึ่งพระเยซูจะเสด็จกลับมารับผู้เชื่อไปอยู่กับพระองค์ในสวรรค์ตลอดไปเป็นนิตย์

5.              สวรรค์อยู่ที่ไหนและมีกี่ชั้นกันแน่
5.1.       สถานที่ อยู่บนฟ้า 
5.1.1.  กิจการ 7.55-56    55ส่วนสเทเฟนเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านเขม้นดูสวรรค์เห็นพระรัศมีของพระเจ้า และเห็นพระเยซูทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ 56แล้วท่านกล่าวว่า “นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าแหวกเป็นช่อง และเห็นบุตรมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า”
5.1.2. 2 โครินธ์  12.3    2ข้าพเจ้ารู้จักชายคนหนึ่งที่อยู่ในพระคริสต์ เมื่อสิบสี่ปีที่แล้วเขาถูกรับขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นที่สาม
5.1.3. มัทธิว 3.16-17   16เมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้วก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และในทันใดนั้นฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาดุจนกพิราบสถิตบนพระองค์ 17และนี่แน่ะ  มีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก”
5.2.       สวรรค์แบบออกเป็นสามชั้น (จากการเปิดเผยของพระคัมภีร์)  2 โครินธ์  12.3   
5.2.1. สวรรค์ชั้นที่ 1  เรียกว่าชั้นบรรยากาศ  คือจากพื้นโลก – สิ้นสุดชั้นบรรยากาศ
5.2.2. สวรรค์ชั้นที่ 2 เรียกว่า ชั้นดวงดาว  คือจนสิ้นสุดชั้นดวงดาวซึ่งชั้นนี้ถือว่ายาวมากๆ
5.2.3. สวรรค์ชั้นที่ 3 เรียกว่าชั้นเหนือชั้นดวงดาวขึ้นไป
6.              ทำอย่างไรเพื่อว่าเมื่อตายแล้วจึงจะได้ไปสวรรค์
6.1.       ต้องบังเกิดใหม่ (เชื่อวางใจพระเยซูคริสต์)   ยน 3.3,5 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าคนใดไม่ได้เกิดใหม่ คนนั้นไม่สามารถเห็นแผ่นดินของพระเจ้า” 4นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า “คนชราจะเกิดใหม่ได้อย่างไร?   จะเข้าไปในท้องของแม่ครั้งที่สองแล้วเกิดใหม่ได้หรือ?5พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าใครไม่ได้เกิดจากน้ำและพระวิญญาณ คนนั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ 6
6.2.       พระสัญญาของพระเยซู  ยน 14.1-3  1“อย่าให้ใจของพวกท่านเป็นทุกข์เลย พวกท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย 2ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่มีเราคงบอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน 3เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย 4

สรุป

พระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคน และไม่ประสงค์ให้ใครพินาศแม้แต่คนเดียว   วันนี้ท่านมั่นใจแล้วหรือว่าจะได้ไปสวรรค์