วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2565

จงดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นบุตรที่รักของพระเจ้า เอเฟซัส 5.1-14


 

โครงร่างคำเทศนาวันอาทิย์ที่ 30  มกราคม 2022

 

พระธรรม            เอเฟซัส  5.1-14

1 เหตุฉะนั้นท่านจงเลียนแบบของพระเจ้า ให้สมกับเป็นบุตรที่รัก 2 และจงดำเนินชีวิตในความรัก เหมือนดังที่พระคริสต์ได้ทรงรักเราทั้งหลาย และทรงประทานพระองค์เองเพื่อเรา ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาอันเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า

เรื่อง                      จงดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นบุตรที่รักของพระเจ้า

คำนำ

เรามักจะได้ยินคำกล่าวว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” แต่ก็มักจะได้ยินคำตรงกันข้ามว่า “ลูกไม้หล่นไกลต้น”    หมายถึงพ่อเป็นอย่างไรลูกก็มักจะเป็นเช่นนั้น  แต่ก็อาจจะไม่เสมอไป  บางทีพ่อเป็นอีกอย่างและลูกก็เป็นอีกอย่าง

พระวจนะของพระเจ้าตอนนี้กล่าวว่า  ผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ได้รับฐานะเป็นลูกที่รักของพระเจ้า ซึ่งเราจะมาใคร่ครวญในหัวข้อนี้  “จงดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นบุตรที่รักของพระเจ้า”

         1.               เราเป็นบุตรที่รักของพระเจ้าได้อย่างไร

                                1.1.               ในพันธสัญญาเดิมพระเจ้าทรงไถ่ชนชาติอิสราเอลจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์ และทรงแยกเขาออกจากชนชาติทั้งปวง ให้มีฐานะเป็นบุตรของพระเจ้า 

อพย 4.22  เจ้าจงทูลฟาโรห์ว่าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า คนอิสราเอลเป็นบุตรหัวปีของเรา

ฉธบ 14.1  ท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ท่านอย่าเชือดเนื้อตัวเอง หรือกระทำหน้าผากให้โล้นเพื่อคนตาย

รม 9.4  พวกเขาเป็นคนอิสราเอล ได้รับการทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า และพระสิริของพระเจ้าปรากฏแก่เขา และเขาได้รับบรรดาพันธสัญญา และการทรงประทานธรรมบัญญัติ และพิธีนมัสการพระเจ้า และพระสัญญา

                                1.2.               ในพันธสัญญาใหม่ได้กล่าวว่า ผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์  พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า 

ยน 1.12 แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า

กท 3.26 เพราะว่า ท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้าร่วมในพระเยซูคริสต์โดยความเชื่อ

                                1.3.               อาจารย์เปาโลได้ขยายความว่า การเป็นบุตรของพระเจ้าได้ถูกกำหนดไว้ก่อนแล้ว 

อฟ 1.5 พระองค์ทรงกำหนดเราไว้ด้วยความรักก่อนตามที่ชอบพระทัยพระองค์ ให้เป็นบุตรโดยพระเยซูคริสต์

                                1.4.               อัครทูตยอห์นยืนยันอีกครั้งว่าเราเป็นลูกของพระเจ้าจริงๆ 

1 ยน 3.1-2 ลองคิดดู พระบิดาได้ประทานความรักแก่เราเพียงไรที่เราได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้า และเราก็เป็นอย่างนั้น เหตุที่ชาวโลกไม่รู้จักเรา ก็เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์

                                1.5.               ดังนั้น การเป็นบุตรของพระเจ้าเป็นผลจากการทรงไถ่ของพระเยซูคริสต์  ผู้ที่เชื่อและวางใจไม่เพียงแต่รับการไถ่ให้รอดพ้นจากความผิดบาป  แต่ยังได้รับฐานะเป็นบุตรของพระเจ้าอีกด้วย

         2.               เราจะดำเนินชีวิตให้สมกับการเป็นบุตรที่รักของพระเจ้าอย่างไร

                                2.1.               โดยดำเนินชีวิตในความรักเหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักเรา 

1 เหตุฉะนั้นท่านจงเลียนแบบของพระเจ้า ให้สมกับเป็นบุตรที่รัก 2 และจงดำเนินชีวิตในความรัก เหมือนดังที่พระคริสต์ได้ทรงรักเราทั้งหลาย และทรงประทานพระองค์เองเพื่อเรา ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาอันเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า

                                2.2.               โดยดำเนินชีวิตในความบริสุทธิ์ทางกาย วาจา และจิตใจ อฟ 5.3-7

3 แต่การล่วงประเวณี การโสโครกทุกอย่างและการละโมบนั้น แม้แต่จะเอ่ยถึงในท่ามกลางพวกท่านก็อย่าเลย จะได้สมกับที่เป็นพวกธรรมิกชน 4 และการพูดลามก การพูดเล่นไม่เป็นเรื่อง หรือการพูดหยาบโลน ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่จงขอบพระคุณดีกว่า 5 ขอจงรู้ชัดถึงเรื่องนี้ว่า ทุกคนที่ล่วงประเวณีหรือที่ทำการโสโครกหรือที่ละโมบ (ซึ่งก็คือคนนับถือรูปเคารพ) จะไม่มีมรดกในแผ่นดินของพระคริสต์และพระเจ้า 6 อย่าให้ใครล่อลวงท่านทั้งหลายด้วยคำพูดที่เหลวไหล เพราะสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้พระพิโรธของพระเจ้าจึงมาถึงพวกที่ไม่เชื่อฟัง 7 เพราะฉะนั้นอย่ามีส่วนร่วมกับเขาทั้งหลาย

                                2.3.               โดยดำเนินชีวิตในความสว่าง  (คือความดีทุกอย่าง   ความชอบธรรมทั้งมวลและความจริงทั้งสิ้น) อฟ 5.8-14

8 เพราะเมื่อก่อนท่านทั้งหลายเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างคนของความสว่าง 9 (เพราะว่าผลของความสว่างคือทุกอย่างที่เป็นความดี ความชอบธรรม และความจริง) 10 จงค้นดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า 11 และอย่ามีส่วนในกิจการของความมืดที่ไร้ผล แต่จงเปิดเผยกิจการนั้นให้ปรากฏดีกว่า 12 เพราะว่าแม้แต่จะพูดถึงสิ่งเหล่านั้นที่พวกเขาทำอย่างลับๆ ก็ยังเป็นเรื่องน่าละอาย 13 แต่ทุกๆ สิ่งที่ได้รับการเปิดเผยโดยความสว่างก็ปรากฏให้เห็น 14 เพราะว่าทุกๆ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็เป็นความสว่าง ดังนั้นจึงมีคำกล่าวว่าคนที่หลับอยู่ จงตื่นขึ้นและจงเป็นขึ้นจากตายแล้วพระคริสต์จะทรงส่องสว่างแก่ท่าน

สรุป

โดยธรรมชาติลูกไม้ย่อมหล่นใต้ต้น    ลูกหลานที่ดีจะไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจหรือผิดหวังเพราะเขาเป็นผู้สืบทอดฉายาของพ่อแม่   ในฐานะที่เราเป็นลูกของพระเจ้า ทรงเรียกร้องว่า จงดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นบุตรที่รักของพระเจ้า  พระองค์เป็นอย่างไร ขอให้เราดำเนินชีวิตเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงเป็น