โครงร่างคำเทศนาเนื่องในโอกาสวันแม่ 13 สิงหาคม 2017
โดย ศจ.เอนกชัย
พรมสวัสดิ์ : คริสตจักรพระคุณเชียงราย
หัวข้อ จงยกย่องผู้เป็นสตรี
คำนำ
สุขสันต์วันแม่ ขอให้คุณแม่ทุกท่านมีความสุข ... วันที่
12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ (ไทย) วันที่ 1 สิงหาคม วันสตรีแห่งชาติ วันที่ 8 มีนาคม วันสตรีสากล …
พระคัมภีร์ตอนนี้ กล่าวยกย่องสรรเสริญผู้เป็นสตรีท่านหนึ่งว่า
สมควรได้รับคำสรรเสริญ เนื่องในโอกาสวันแม่ และวันสตรีไทย
เราจะมาใคร่ครวญพระคัมภีร์ในหัวข้อ “จงยกย่องผู้เป็นสตรี”
พระธรรม สุภาษิต
31.10-31 (31)
10ใครจะพบภรรยาที่ดี
เธอประเสริฐยิ่งกว่าทับทิมมากนัก
11จิตใจของสามีเธอก็วางใจในเธอ และสามีจะไม่ขาดกำไร 12เธอทำความดีให้เขา
ไม่ทำความร้าย
ตลอดชีวิตของเธอ 13เธอแสวงขนแกะและป่าน
และทำงานด้วยมืออย่างเต็มใจ 14เธอเป็นเหมือนกำปั่นของพ่อค้า
เธอนำอาหารของเธอมาจากที่ที่ไกล 15เธอลุกขึ้นตั้งแต่ยังมืดอยู่
และจัดอาหารให้ครัวเรือนของเธอ
และจัดงานให้แก่สาวใช้ของเธอ 16เธอพิเคราะห์ดูไร่นาแล้วก็ซื้อไว้
ด้วยผลน้ำมือของเธอ
เธอปลูกสวนองุ่น 17เธอคาดเอวของเธอด้วยกำลัง
และกระทำให้แขนของเธอเข้มแข็ง 18เธอรู้ว่าสินค้าของเธอจะได้กำไร
กลางคืนตะเกียงของเธอก็ไม่ดับ 19เธอยื่นมือออกจับไน และมือของเธอจับเครื่องปั่น 20เธอหยิบยื่นให้คนยากจน เธอยื่นมือออกช่วยคนขัดสน 21เธอไม่กลัวหิมะมาทำอันตรายแก่คนในครัวเรือนของเธอ
เพราะเขาสวมเสื้อสองชั้น 22เธอทำผ้าปูสำหรับเธอ เสื้อผ้าของเธอทำด้วยผ้าลินินเนื้อละเอียดและผ้าสีม่วง 23สามีของเธอเป็นที่รู้จักที่ประตูเมือง เมื่อท่านนั่งอยู่ในหมู่พวกผู้ใหญ่ของแผ่นดินนั้น 24เธอทำเครื่องแต่งกายด้วยผ้าลินินไว้ขาย เธอส่งผ้าคาดเอวให้แก่พ่อค้า 25กำลังและความสง่าผ่าเผยเป็นอาภรณ์ของเธอ เธอหัวเราะให้แก่เหตุการณ์ที่จะมาถึง 26เธออ้าปากกล่าวด้วยสติปัญญา
และคำสอนเจือความเอ็นดูอยู่ที่ลิ้นของเธอ 27เธอดูแลการงานในครัวเรือนของเธอ และไม่ชุบมือเปิบ 28ลูกๆของเธอตื่นขึ้นมาก็ชมเชยเธอ สามีของเธอก็สรรเสริญเธอ 29ว่า “สตรีเป็นอันมากทำอย่างดีเลิศ แต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด” 30เสน่ห์เป็นของหลอกลวง และความงามก็เปล่าประโยชน์ แต่สตรียำเกรงพระเจ้า สมควรได้รับคำสรรเสริญ 31จงให้เธอรับผลแห่งน้ำมือของเธอ และให้การงานของเธอสรรเสริญเธอที่ประตูเมือง
กลางคืนตะเกียงของเธอก็ไม่ดับ 19เธอยื่นมือออกจับไน และมือของเธอจับเครื่องปั่น 20เธอหยิบยื่นให้คนยากจน เธอยื่นมือออกช่วยคนขัดสน 21เธอไม่กลัวหิมะมาทำอันตรายแก่คนในครัวเรือนของเธอ
เพราะเขาสวมเสื้อสองชั้น 22เธอทำผ้าปูสำหรับเธอ เสื้อผ้าของเธอทำด้วยผ้าลินินเนื้อละเอียดและผ้าสีม่วง 23สามีของเธอเป็นที่รู้จักที่ประตูเมือง เมื่อท่านนั่งอยู่ในหมู่พวกผู้ใหญ่ของแผ่นดินนั้น 24เธอทำเครื่องแต่งกายด้วยผ้าลินินไว้ขาย เธอส่งผ้าคาดเอวให้แก่พ่อค้า 25กำลังและความสง่าผ่าเผยเป็นอาภรณ์ของเธอ เธอหัวเราะให้แก่เหตุการณ์ที่จะมาถึง 26เธออ้าปากกล่าวด้วยสติปัญญา
และคำสอนเจือความเอ็นดูอยู่ที่ลิ้นของเธอ 27เธอดูแลการงานในครัวเรือนของเธอ และไม่ชุบมือเปิบ 28ลูกๆของเธอตื่นขึ้นมาก็ชมเชยเธอ สามีของเธอก็สรรเสริญเธอ 29ว่า “สตรีเป็นอันมากทำอย่างดีเลิศ แต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด” 30เสน่ห์เป็นของหลอกลวง และความงามก็เปล่าประโยชน์ แต่สตรียำเกรงพระเจ้า สมควรได้รับคำสรรเสริญ 31จงให้เธอรับผลแห่งน้ำมือของเธอ และให้การงานของเธอสรรเสริญเธอที่ประตูเมือง
1. ความหมาย
1.1.
คำว่ายกย่อง
คือ คำพูดเชิดชู, สรรเสริญ, ชมเชย, หรือชื่นชม
1.2.
“สตรี” หมายถึงผู้หญิง
หรือเพศหญิง เช่น คุณย่า คุณยาย คุณแม่ คุณผู้หญิง หรือนารี
1.3. ในครอบครัว หมายถึง ผู้หญิงที่เป็นทั้ง ภรรยา คุณแม่ ย่าหรือยาย
หรือเป็นทั้งหัวหน้าครอบครัวด้วย Single
Mom
1.4. ในสังคมหมายถึง ผู้หญิงที่มีบทบาทต่างๆ ในสังคม
1.5. สรุป ด้วยวาจา ด้วยการกระทำ และด้วยความคิดจิตใจ
แสดงถึงการยกย่องสตรี
2. ความสำคัญของการยกย่องผู้เป็นสตรี
2.1. เป็นการแสดงออกถึงความรัก ความเคารพแก่สตรี สภษ
31.10-12
10ใครจะพบภรรยาที่ดี
เธอประเสริฐยิ่งกว่าทับทิมมากนัก
11จิตใจของสามีเธอก็วางใจในเธอ และสามีจะไม่ขาดกำไร 12เธอทำความดีให้เขา
ไม่ทำความร้าย ตลอดชีวิตของเธอ
2.2. เป็นการให้คุณค่ากับการงานที่เธอทำ สภษ 31.28-29
28ลูกๆของเธอตื่นขึ้นมาก็ชมเชยเธอ
สามีของเธอก็สรรเสริญเธอ 29ว่า “สตรีเป็นอันมากทำอย่างดีเลิศ แต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด”
2.3. เป็นเกียรติและสง่าราศีของสตรีที่งามสง่า สภษ 11.16
16สตรีงามสง่าย่อมได้รับเกียรติ
และชายหน้าเลือดย่อมมั่งคั่ง
2.4. เป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตสตรี สภษ 31.30-31
30เสน่ห์เป็นของหลอกลวง
และความงามก็เปล่าประโยชน์
แต่สตรียำเกรงพระเจ้า สมควรได้รับคำสรรเสริญ 31จงให้เธอรับผลแห่งน้ำมือของเธอ และให้การงานของเธอสรรเสริญเธอที่ประตูเมือง
3. เราจะยกย่องสตรีอย่างไร
3.1. ในครอบครัว (สามี, ลูกๆ)
28ลูกๆของเธอตื่นขึ้นมาก็ชมเชยเธอ
สามีของเธอก็สรรเสริญเธอ 29ว่า “สตรีเป็นอันมากทำอย่างดีเลิศ แต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด”
3.1.1.
ยกย่องในสิ่งที่เป็น
ไม่ใช่เอาแม่หรือภรรยาไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
3.1.2.
ยกย่องในสิ่งที่ทำ
เราเคยทบทวนไหมว่าในแต่ละวัน แม่/ภรรยาทำอะไรบ้างเพื่อครอบครัว
3.1.3.
ทุกๆ
วันจงหาคำชมเป็นบำเหน็จรางวัลให้กับคุณแม่ / คุณภรรยา ไม่ใช่หาแต่ข้อตำหนิ
หรือเพิกเฉยจนเป็นความเคยชิน
เพราะภรรยาคาดหวังคำชมจากปากของสามี และแม่ก็คาดหวังคำชมจากลูก
3.1.4.
ความประพฤติของลูกและสามีก็เป็นคำชมให้กับภรรยาหรือคุณแม่ได้ด้วย
เช่น ลูกตั้งใจเรียน มีความประพฤติเรียบร้อย แม่ก็จะภูมิใจ หรือสามีทานอาหารที่ภรรยาทำอย่างอร่อย
กลับบ้านตรงเวลา จำวันสำคัญต่างๆ เช่น วันเกิดภรรยา วันครบรอบแต่งงาน เป็นต้น
3.2. ในคริสตจักร (บทบาทสตรีในคริสตจักร และ
3.2.1. ความรักกันและกัน ให้เกียรติกันและกันทั้งชายหญิง รวมถึงการดูแลหญิงหม้าย
2 ยน 1.5-6
5และดูก่อนท่านสุภาพสตรี
บัดนี้ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน
มิใช่เสมือนหนึ่งว่าข้าพเจ้าเขียนบัญญัติใหม่ถึงท่าน แต่เป็นพระบัญญัติที่เราได้มีมาแล้วตั้งแต่เริ่มแรก นั่นก็คือให้เราทั้งหลายรักกันและกัน 6และความรักนั้นก็คือ
การที่เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์
ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อท่านทั้งหลายจะประพฤติตาม
3.2.2. การทำหน้าที่หรือการมีบทบาทในด้านต่างๆ ในคริสตจักร เช่น
มีอาจารย์หญิงได้ขึ้นธรรมมาส แบ่งปันหรือเทศนา มีตำแห่งหน้าที่ในคริสตจักร เช่นมัคนายก
ผู้ปกครอง ศิษยาภิบาล ผู้รับใช้ (บางคริสตจักรไม่ได้เลย)
3.2.3. กิจกรรมเชิดชูเกียรติ
3.3. ในสังคม (การไม่ดูถูกหรือเหยียดหยามสตรี, เคารพและให้เกียรติ)
3.3.1. ตัวอย่างที่ไม่ดี ข่าวหัวหน้าในสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ลวนลามลูกน้องมาเป็นเวลาหลายปี ทำกับหลายคน จนถูกแอบถ่ายคลิปและนำไปแจ้งความ
3.3.2. ในบัญญัติ 10 ประการ ตั้งแต่ข้อที่ 6 เป็นต้นไป ได้สอนให้เราเคารพและให้เกียรติสุภาพสตรีด้วย อย่าฆ่าคน อย่าลักทรัพย์ อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้าย เพื่อนบ้าน อย่าโลภครัวเรือนของเพื่อนบ้าน อย่าโลภภรรยาของเพื่อนบ้าน หรือทาสทาสีของเขา หรือโค
ลาของเขา หรือสิ่งใดๆซึ่งเป็นของของเพื่อนบ้าน” อพย 20:13-17
3.3.3. จงสร้างสังคมที่เคารพและให้เกียรติสุภาพสตรี สภษ 31:31 จงให้ประชาชนที่ประตูเมืองสรรเสริญเธอเพราะการงานที่เธอทำ
สรุป
พระคัมภีร์ได้กล่าวยกย่องสตรีจำนวนมาก
แสดงว่าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าให้เราเรียนรู้ที่จะยกย่องผู้เป็นสตรี
นักจิตวิทยาสำรวจพบว่า
ทรัพย์สินเงินทองกลับไม่ใช่สิ่งยอดปรารถนาของคนทั่วไป
แต่เป็นการได้รับการยกย่องนับถือในองค์กรหรือบริษัทที่ตนทำงานอยู่ เราควรเรียนรู้ว่าจะเอ่ยชมเมื่อใด และอย่างไร เพื่อให้คำชมของเรานั้นเกิดผลในเชิงบวก
มีข้อแนะนำดังนี้ (1) มองหาข้อดีที่ ‘น่าชื่นชม (2) ชมเชยแม้เรื่องเล็กน้อย (3) ชมเชยด้วยความจริงใจ (4) ชมเชยอย่างมีเหตุผล
ไม่พร่ำเพรื่อ (5) ชมเชยอย่างยุติธรรม
“จงฝึกชมเชยคนในบ้าน
ในคริสตจักร และรอบๆ ตัว แล้วชีวิตจะสดใสมีความสุขมากยิ่งขึ้น”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น