โครงร่างคำเทศนาวันอาทิตย์ที่
10 พฤษภาคม 2020
หัวเรื่อง คริสเตียนคือคนบาปที่ได้รับพระคุณพระเจ้า
พระธรรม โรม 5.12-21
18 ฉะนั้นการพิพากษาลงโทษได้มาถึงคนทั้งปวง เพราะการละเมิดครั้งเดียวฉันใด การกระทำอันชอบธรรมครั้งเดียว ก็นำการปลดปล่อยและชีวิตมาถึงทุกคนฉันนั้น 19 เพราะว่าคนเป็นอันมากเป็นคนบาป เพราะคนคนเดียวที่มิได้เชื่อฟังฉันใด คนเป็นอันมากก็เป็นคนชอบธรรม เพราะพระองค์ผู้เดียวที่ได้ทรงเชื่อฟังฉันนั้น 20 เมื่อมีธรรมบัญญัติ ก็ทำให้มีการละเมิดธรรมบัญญัติปรากฏมากขึ้น แต่ที่ใดมีบาปปรากฏมากขึ้น ที่นั้นพระคุณก็จะไพบูลย์ยิ่งขึ้น 21 เพื่อว่าบาปได้ครอบงำ ทำให้ถึงซึ่งความตายฉันใด พระคุณก็ครอบงำด้วยความชอบธรรมให้ถึงซึ่งชีวิตนิรันดร์ โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราฉันนั้น
คำนำ
“พวกคริสเตียนนี่เป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่องเหลือเกิน
คุณไม่มีบาปเลยว่างั้น”
การโต้ตอบเมื่อคริสเตียนไปประกาศข่าวประเสริฐ
แต่กลับกลายว่าเป็นการกล่าวหาหรือตำหนิคนอื่นว่าเป็นคนบาปคนชั่ว
ที่ต้องกลับใจบังเกิดใหม่มีคริสเตียนหลายๆท่านได้พยายามอธิบาย
บ้างบอกว่าเราบริสุทธิ์แล้วเพราะพระเยซูตายไถ่บาปเราแล้ว
บ้างก็ว่าเราตัดสินใครไม่ได้หรอกขนาดพระเยซูยังไม่ตัดสินใครเลย และอีกมากมาย
คำตอบสำหรับเรื่องนี้คือมนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป แต่คริสเตียนคือคนที่ได้รับพระคุณพระเจ้า
1.
โดยการยอมรับว่าเราเป็นคนบาป
1.1.
ยืนยันโดยกฎแห่งจิตใต้สำนึก
/ กฎแห่งกรรม รม (1.19, 2.14)
1:19 เหตุว่าเท่าที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็แจ้งอยู่กับใจเขาทั้งหลาย เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดสำแดงแก่เขาแล้ว
2:14 เมื่อชนต่างชาติซึ่งไม่มีธรรมบัญญัติได้ประพฤติตามธรรมบัญญัติโดยปกติวิสัย คนเหล่านั้นแม้ไม่มีธรรมบัญญัติก็เป็นธรรมบัญญัติให้ตัวเอง แม้ว่าเขาจะไม่มีธรรมบัญญัติก็ตาม
1.2.
ยืนยันโดยกฎแห่งศีลธรรม
(รม 4.15, 5.13, 7.9 , (ยก
2.10)
4:15 เพราะธรรมบัญญัติเป็นเหตุให้มีการลงพระอาชญา แต่ที่ใดไม่มีธรรมบัญญัติ ที่นั้นก็ไม่มีการละเมิดธรรมบัญญัติ
5:13 ความจริงบาปได้มีอยู่ในโลกแล้วก่อนมีธรรมบัญญัติ แต่ที่ใดไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่ถือว่ามีบาป
7:9 เมื่อก่อนข้าพเจ้าดำรงชีวิตอยู่นอกเหนือธรรมบัญญัติ แต่เมื่อมีธรรมบัญญัติขึ้น บาปก็เกิดขึ้น และข้าพเจ้าก็ตาย
Jas 2:10 เพราะว่าผู้ใดรักษาธรรมบัญญัติได้ทั้งหมด แต่ผิดอยู่ข้อเดียว ผู้นั้นก็เป็นผู้ผิดธรรมบัญญัติทั้งหมด
1.3.
ยืนยันโดยกฎการตกทอดบาป
(รม 5.12-17)
12 เหตุฉะนั้น เช่นเดียวกับที่บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆ เดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป 13 ความจริงบาปได้มีอยู่ในโลกแล้วก่อนมีธรรมบัญญัติ แต่ที่ใดไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่ถือว่ามีบาป 14 อย่างไรก็ตาม ความตายก็ได้ครอบงำตลอดมา ตั้งแต่อาดัมจนถึงโมเสส แม้คนที่มิได้ทำบาปอย่างเดียวกับการละเมิดของอาดัม ผู้ซึ่งเป็นแบบของผู้ที่จะเสด็จมาภายหลัง 15 แต่ของประทานแห่งพระคุณนั้นหาเป็นเช่นความละเมิดนั้นไม่ เพราะว่าถ้าคนเป็นอันมากต้องตายเพราะการละเมิดของคนๆ เดียว มากยิ่งกว่านั้น พระคุณของพระเจ้าและของประทานโดยพระคุณของพระองค์ผู้เดียวนั้น คือพระเยซูคริสต์ ก็มีบริบูรณ์แก่คนเป็นอันมาก 16
และของประทานนั้นก็ไม่เหมือนกับผล ซึ่งเกิดจากบาปของคนนั้นคนเดียว เพราะว่าการพิพากษาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการละเมิดเพียงครั้งเดียวนั้น ได้นำไปสู่การลงโทษ แต่ของประทานจากพระเจ้าภายหลังการละเมิดหลายครั้งนั้น นำไปสู่ความชอบธรรม 17 เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนนั้นคนเดียว เป็นเหตุให้ความตายครอบงำอยู่โดยคนนั้นคนเดียว มากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระกรุณาอันไพบูลย์ และรับของประทานคือความชอบธรรมก็จะดำรงชีวิต และครอบครองโดยพระองค์ผู้เดียว คือพระเยซูคริสต์
2.
โดยการยอมรับว่าเราไม่สามารถช่วยตนเองให้หลุดพ้นบาปได้
2.1.
ไม่มีใครหลุดพ้นบาปได้โดยการประพฤติ
(รม 3.19-20)
19 เรารู้แล้วว่า ธรรมบัญญัติทุกข้อที่ได้กล่าวนั้น ก็ได้กล่าวแก่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อปิดปากทุกคน และเพื่อให้มนุษย์ทุกคนในโลกอยู่ใต้การพิพากษาของพระเจ้า 20 เพราะว่าในสายพระเนตรของพระเจ้าไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเป็นคนชอบธรรมโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติได้ เพราะว่าธรรมบัญญัตินั้นทำให้เรารู้จักบาปได้
2.2.
ไม่มีใครหลุดพ้นบาปได้โดยทรัพย์สินเงินทอง
(มธ 19.23-25)
23 พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ก็ยาก 24 เราบอกท่านทั้งหลายอีกว่า ตัวอูฐจะลอดรูเข็มก็ง่ายกว่าคนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า” 25
เมื่อพวกสาวกได้ยินก็ประหลาดใจมาก จึงทูลว่า “ถ้าอย่างนั้นใครจะรอดได้
2.3.
ไม่มีใครหลุดพ้นบาปได้โดยความรู้หรือปัญญาของโลก
(1 คร 1.20-25)
20 คนมีปัญญาแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน บัณฑิตแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน นักโต้ปัญหาแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน พระเจ้าได้ทรงกระทำปัญญาของโลกให้โฉดเขลาไปแล้ว 21 เพราะตามที่ทรงกำหนดไว้ตามพระสติปัญญาของพระเจ้า โลกไม่รู้จักพระเจ้าได้โดยปัญญาของตน พระเจ้าจึงทรงโปรดช่วยคนที่เชื่อให้รอดโดยคำเทศนาเรื่องโง่ๆ 22 พวกยิวขอเห็นหมายสำคัญ และพวกกรีกเสาะหาปัญญา 23 แต่พวกเราประกาศเรื่องพระคริสต์ผู้ทรงถูกตรึงที่กางเขนนั้น อันเป็นสิ่งที่ให้พวกยิวสะดุด และให้พวกต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องโง่ 24 แต่สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกนั้น ทั้งพวกยิวและพวกกรีก ต่างถือว่า พระคริสต์ทรงเป็นฤทธานุภาพและพระปัญญาของพระเจ้า 25 เพราะความเขลาของพระเจ้ายังมีปัญญายิ่งกว่าปัญญาของมนุษย์ และความอ่อนแอของพระเจ้าก็ยังเข้มแข็งยิ่งกว่ากำลังของมนุษย์
3.
โดยการยอมรับเอาพระคุณของพระเจ้า
3.1.
คำว่า “พระคุณ” หมายถึงให้ฟรีๆ
ให้เปล่าๆ ให้โดยไม่คิดมูลค่าใดๆ “หมายความว่า
การหลุดพ้นบาปเป็นความรักของพระเจ้าที่ทรงการะทำเพื่อเรา” (อฟ 2.8-9, รม 3.24)
8 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ 9 ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้
Rom 3:24 แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เขาเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว
3.2.
วิธีการของพระเจ้า คือ
“ให้พระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาตายแทนเรา” และเรารับเอาโดยความเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ (รม
3.22-26, 5.8)
22 คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งทรงประทานโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์แก่ทุกคนที่เชื่อ เพราะว่าคนทั้งหลายไม่ต่างกัน 23 เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า 24
แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เขาเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว 25 พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญาโดยพระโลหิตของพระองค์ โดยความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อสำแดงให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น 26 และเพื่อจะสำแดงในปัจจุบันนี้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ชอบธรรม และทรงโปรดให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย
Rom 5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา
3.3.
พระสัญญาคือ เรารอดพ้นจากการพิพากษา มีชีวิตนิรันดร์ จึงถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรมโดยความเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์
(ยน 3.16-18)
16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ 17 เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น 18 ผู้ที่วางใจในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ ส่วนผู้ที่มิได้วางใจก็ต้องถูกพิพากษาลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้วางใจในพระนามพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า
ตัวอย่างชีวิตเปาโล เคยคิดว่าตนเองเป็นคนที่รักษากฎบัญญัติอย่างเคร่งครัด
และร้อนรนในศาสนา แต่จนกระทั่งได้พบกับพระเยซูคริสต์ เขาจึงรู้ว่าเขาเป็นคนบาป
และในบรรดาคนบาปทั้งหลายเขาเป็นตัวเอก เมื่อเขายอมรับเชื่อในพระเยซูคริสต์
เขาจึงเป็นคนบาปที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์
สรุป
มีแต่หนทางแห่งพระคุณของพระเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยมนุษย์ให้หลุดพ้นจากบาปได้ กิจการ 4.12 เพียงมนุษย์จะยอมรับว่าเราเป็นคนบาปและไม่สามารถช่วยตนเองให้หลุดพ้นจากบาปได้
พระเจ้าได้หยิบยื่นการหลุดพ้นบาปให้เราแล้วโดยที่พระเยซูคริสต์ได้ตายแทนเรา
ดังนั้นคริสเตียนคือคนบาปที่ได้รับพระคุณพระเจ้า
และเรากำลังรับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระเจ้าในฝ่ายพระวิญญาณ