วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

จงลุกขึ้นทำพันธกิจมิชชั่น พระธรรม กิจการ 13:1-3, มัทธิว 28:19-20


โครงร่างคำเทศนา วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2019
หัวเรื่อง                 จงลุกขึ้นทำพันธกิจมิชชั่น
พระธรรม              กิจการ 13:1-3, มัทธิว 28:19-20
1 เวลานั้นคริสตจักรที่อยู่ในเมืองอันทิโอกมีบางคนที่เป็นผู้เผยพระวจนะและอาจารย์ คือบารนาบัส สิเมโอนที่เรียกว่านิเกอร์ ลูสิอัสชาวเมืองไซรีน มานาเอนผู้ได้รับการเลี้ยงดูเติบโตขึ้นด้วยกันกับเฮโรดเจ้าเมือง และเซาโล 2 ระหว่างที่เขาทั้งหลายกำลังนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าและถืออดอาหารอยู่นั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสสั่งว่าจงตั้งบารนาบัสกับเซาโลไว้สำหรับงานที่เราเรียกให้พวกเขาทำนั้น 3 หลังจากถืออดอาหารและอธิษฐานแล้ว เขาทั้งหลายวางมือบนตัวบารนาบัสกับเซาโล แล้วส่งท่านทั้งสองไป
19 เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ 20 และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค
คำนำ                      งานรำลึก 100 ปี หมอบริกส์ วันที่ 22.02.2019 + ชมวีดีโอประวัติการทำงานของหมอบริกส์
1.              ความหมายของการทำพันธกิจมิชชั่น
1.1.       ความเข้าใจทั่วไปคือ การออกไปเป็นมิชชั่นนารีต่างบ้านต่างเมือง
1.2.       ในพระธรรมกิจการให้มุมมองคือ การส่งออกไปประกาศข่าวประเสริฐ บุกเบิกก่อตั้งคริสตจักร และพันธกิจด้านอื่นๆควบคู่  ไปยังต่างบ้าน ต่างเมือง ต่างภาษาวัฒนธรรม ที่ยังไม่มีผู้เชื่อ
2.              ความสำคัญของการทำพันธกิจมิชชั่น
2.1.         เป็นแผนการของพระเจ้าพระบิดา ปฐก 12.1-3, กท 3.8
1 พระยาห์เวห์ตรัสแก่อับรามว่าเจ้าจงออกจากดินแดนของเจ้า จากญาติพี่น้องของเจ้า จากบ้านบิดาของเจ้า ไปยังดินแดนที่เราจะสำแดงแก่เจ้า 2 เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ เราจะอวยพรเจ้า จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โต แล้วเจ้าจะเป็นพร 3 เราจะอวยพรคนที่อวยพรเจ้า เราจะสาปคนที่แช่งเจ้า บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเจ้า
8 และพระคัมภีร์นั้นรู้ล่วงหน้าว่า พระเจ้าจะทรงให้คนต่างชาติเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ จึงได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่อับราฮัมล่วงหน้าว่า ชนทุกชาติจะได้รับพรเพราะเจ้
2.2.         เป็นพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ให้เราทำ มธ 28.19-20, มก 16.15, 2 ปต 3.9
19 เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ 20 และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค
15 พระองค์ตรัสสั่งพวกสาวกว่าพวกท่านจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน
9 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่ทรงอดทนกับพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่
2.3.         เป็นการขับเคลื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์  กจ 13.1-3
1 เวลานั้นคริสตจักรที่อยู่ในเมืองอันทิโอกมีบางคนที่เป็นผู้เผยพระวจนะและอาจารย์ คือบารนาบัส สิเมโอนที่เรียกว่านิเกอร์ ลูสิอัสชาวเมืองไซรีน มานาเอนผู้ได้รับการเลี้ยงดูเติบโตขึ้นด้วยกันกับเฮโรดเจ้าเมือง และเซาโล 2 ระหว่างที่เขาทั้งหลายกำลังนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าและถืออดอาหารอยู่นั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสสั่งว่าจงตั้งบารนาบัสกับเซาโลไว้สำหรับงานที่เราเรียกให้พวกเขาทำนั้น 3 หลังจากถืออดอาหารและอธิษฐานแล้ว เขาทั้งหลายวางมือบนตัวบารนาบัสกับเซาโล แล้วส่งท่านทั้งสองไป
2.4.         เป็นเป้าหมายของคริสตจักรพระคุณเชียงราย
คริสตจักรที่เป็นฐานทัพ   ด้านการถวาย   ด้านการประกาศ   ด้านการสร้างบุคลากรในภูมิภาคสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ
3.              เราจำทำพันธิจมิชชั่นเมื่อไร อย่างไร?
3.1.       เริ่มทันทีโดยการอธิษฐานและการถวาย (ท้าทายกลุ่มเซลล์ปี 2019)
3.2.       เริ่มทันทีโดยการช่วยเหลือบุคลากรเพื่องานมิชชั่น (ขอบคุณพี่น้องที่ช่วยนักศึกษา)
3.3.       แสวงหาการทรงเรียกและการทรงนำเพื่องานมิชชั่น กจ 13.1-3 (มีพี่น้องบางคนได้ถวายตัวเป็นมิชชั่น)
3.4.       ออกไป โดยจัดมิชชั่นทีม (เหมือนไต้หวันมามิชชั่นบ้านเรา)
­สรุป
งานมิชชั่น เป็นหัวใจของพระเจ้า พระบิดาพระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้เรานำความรักของพระเจ้าไปสู่คนทั้งโลก  วันนี้ให้เราเริ่มลุกขึ้นทำพันธกิจมิชชั่น ตอบสนองพระทัยของพระองค์


ดำเนินชีวิตบนหลักแห่พระวจนะ พระธรรม สดุดี 119:105


โครงร่างคำเทศนา  วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2019
หัวเรื่อง         ดำเนินชีวิตบนหลักแห่พระวจนะ
พระธรรม      สดุดี 119:105
พระวจนะของพระองค์เป็นตะเกียงแก่เท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่ทางของข้าพระองค์


คำนำ           ก้าวเข้าปี 2019 ด้วยการดำเนินชีวิตบนหลักแห่งพระวจนะของพระเจ้าเพื่อเพื่อ
ชีวิตของเราจะมั่นคงในทางของพระเจ้าในยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง
รุนแรง
1.   อะไรคือการดำเนินชีวิตบนหลักแห่งพระวจนะ
1.1. คือการนำเอาคำสอนของพระคัมภีร์มาเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินชีวิต ซึ่งบางครั้งอาจ
- ขัดแย้งกับประเพณีวัฒนธรรม เช่นการลอยกระทง การร่วมพิธีศพ
- ค่านิยมของสังคม เช่น การอยู่ก่อนแต่ง การซื้อหวย
- หรือแม้กระทั่งกฎหมายบ้านเมือง เช่นกฎหมายชีวิตคู่
1.2. คือความตั้งใจดำเนินชีวิตให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า โดยการกระทำตามพระประสงค์ที่ทรงสำแดงออกในพระวจนะของพะองค์
2.   ทำไมเราต้องดำเนินชีวิตอยู่บนหลักแห่งพระวจนะ
2.1. เพราะเราอยู่ในยุคสมัยที่คนเอาสิทธิและเสรีภาพเป็นใหญ่ แต่เป็นการใช้เสรีภาพในทางที่ผิดเพื่อตอบสนองกิเลสตัณหาของตนมากกว่า  ในพระธรรมโรมเอาโลบอกว่าพระเจ้าจึงปล่อยให้เขาทำสิ่งชั่วร้ายต่อไป
2.2. เพราะลักษณะจิตใจของมนุษย์จะเปลี่ยนไปจากหลักจริยะธรรมอย่างรุนแรง 2 ทธ 3:1-4
1 แต่จงเข้าใจข้อนี้คือ วาระสุดท้ายนั้นจะเป็นเวลาที่น่ากลัว 2 เพราะผู้คนจะเห็นแก่ตัว รักเงินทอง โอ้อวด หยิ่งยโส ชอบดูหมิ่น ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ อกตัญญู ชั่วร้าย 3 ไร้มนุษยธรรม ไม่ให้อภัยกัน ใส่ร้ายกัน ไม่ยับยั้งชั่งใจ ดุร้าย เกลียดชังความดี 4 ทรยศ มุทะลุ โอหัง รักความสนุกมากกว่ารักพระเจ้า
เมื่อคืนดูข่าวเจอพาดหัวข่าวว่า “ตามล่าไอ้ลูกทรพี ฆ่าพ่อ-ข่มขืนแม่”
2.3. เพราะศาสนาจะไม่ใช่ศูนย์กลางทางจิตวิญญาณอีกต่อไป 2 ทธ 3:5
ยึดถือทางพระเจ้าแต่เพียงเปลือกนอก แต่ปฏิเสธฤทธิ์เดชของทางนั้น จงอย่าเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้น
3.   ผลดีของการดำเนินชีวิตอยู่บนหลักแห่งพระวจนะ
3.1. สามารถแบ่งแยกวิถีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องได้   สดด 119:105
พระวจนะของพระองค์เป็นตะเกียงแก่เท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่ทางของข้าพระองค์
3.2. สามารถเป็นคนดีรอบคอบในสายพระเนตรของพระเจ้า สดด 119:1,3,11
1 บรรดาผู้ที่ดีพร้อมในทางของตนก็เป็นสุข คือผู้ที่ดำเนินตามธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์
3 พวกเขาไม่ทำผิด แต่เดินตามพระมรรคาของพระองค์
11 ข้าพระองค์ได้เก็บรักษาพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจ เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์
3.3. จิตวิญญาณได้รับการฟื้นฟูมีกำลังใหม่  สดด 19:7
7 ธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ดีพร้อม และฟื้นฟูชีวิต พระโอวาทของพระยาห์เวห์นั้นแน่นอน ทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา
3.4. ทำให้คนรู้น้อยมีปัญญาแห่งชีวิต สดด 19:7, 119:130
7 ธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ดีพร้อม และฟื้นฟูชีวิต พระโอวาทของพระยาห์เวห์นั้นแน่นอน ทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา
          130 การอธิบายพระวจนะของพระองค์ให้ความสว่าง ทั้งให้ความเข้าใจแก่คนรู้น้อย

3.5. สามารถมีชีวิตที่เป็นแบบอย่างต่อคนทั้งปวง 1 ปต 2:12, มธ 5:14-16
12 จงรักษาความประพฤติอันดีของพวกท่านไว้ในหมู่คนต่างชาติ เพื่อว่าเมื่อพวกเขาใส่ร้ายพวกท่านว่าประพฤติชั่ว พวกเขาจะได้เห็นคุณความดีของพวกท่าน และจะได้สรรเสริญพระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมาเยือน
14 ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะถูกปิดบังไว้ไม่ได้ 15 เมื่อจุดตะเกียงแล้วไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในบ้านนั้น 16 ทำนองเดียวกันพวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่านทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์

สรุป    สังคมมนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง   แต่คนของพระเจ้าต้องยืนหยัดดำเนินชีวิตอยู่บนหลักแห่งพระวจนะของพระเจ้า โดยไม่โอนอ่อนต่อโลกเพื่อเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าและเป็นแบบอย่างต่อคนทั้งปวง   “จงปารถนาพระวจนะของพระเจ้าทุกวันผ่านการเฝ้าเดี่ยว หรือฟังคำเทศนาย้อนหลังของคริสตจักร”