วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การกระทำที่สำแดงความเชื่อในการเสด็จมาของพระคริสต์ มัทธิว 24:36-37, ยอห์น 14:3

โครงร่างคำเทศนา วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน 2017
หัวข้อ           การกระทำที่สำแดงความเชื่อในการเสด็จมาของพระคริสต์
พระธรรม       มัทธิว 24:36-37, ยอห์น 14:3
36 “แต่วันนั้น   โมงนั้น   ไม่มีใครรู้   ถึงบรรดาทูตสวรรค์หรือพระบุตรก็ไม่รู้   รู้แต่พระบิดาองค์เดียว 37ด้วยสมัยของโนอาห์   ได้เป็นอย่างไร   เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมา   ก็จะเป็นอย่างนั้น
3เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว   เราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา   เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะได้อยู่ที่นั่นด้วย 4
คำนำ           
ความเชื่อในการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ เป็นจุดสุดยอดของความเชื่อคริสตริสเตียน  เพราะเป็นความหวังใจว่าวันหนึ่งพระองค์จะกลับมารับเราไปอยู่กับพระองค์ ตามที่ทรงสัญญาไว้ แม้ไม่รู้ว่าวันเวลาที่พระองค์จะมานั้น พระเยซูตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงเตรียมตัวให้พร้อม เพราะในเวลาที่เราไม่คาดคิดนั้นพระองค์จะเสด็จมา ฉะนั้นเราจะมาใคร่ครวญในหัวข้อ “การกระทำที่สำแดงความเชื่อในการเสด็จมาของพระคริสต์”
1.     ความหมาย
1.1.                     เราเชื่อว่าพระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมารับเราไปอยู่กับพระองค์ ตามที่ทรงสัญญาไว้
1.2.                     เราได้สำแดงความเชื่อเช่นนี้ออกมาเป็นการกระทำในชีวิตการเป็นคริสเตียน
1.3.                     ดังเช่นคริสตจักรในยุคแรก เขาเชื่อมั่นว่าพระเยซูจะเสด็จกลับมาในเวลาอันใกล้ ตาที่พระองค์สัญญาไว้  พวกเขาได้สำแดงความเชื่อเช่นนี้ในการดำเนินชีวิตคริสเตียน
2.     อะไรคือการกระทำ (การดำเนินชีวิต) ที่สำแดงความเชื่อในการเสด็จมาของพระคริสต์
2.1.                    ต่อตัวเอง  ด้วยการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์แด่พระเจ้า  2 ปต 3:10-11
แต่วันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมย และในวันนั้น ฟ้าจะหายลับไปด้วยเสียงดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินกับสิ่งสารพัดที่มีอยู่บนนั้น จะถูกเผาจนหมดสิ้น  11เมื่อเห็นแล้วว่าทุกสิ่งจะต้องสลายไปเช่นนี้ พวกท่านควรจะเป็นคนแบบไหน   ในการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์และที่ยำเกรงพระเจ้า  
2.2.                    ต่อภายในคริสตจักร
2.2.1.                        ด้วยการนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์  2 ปต 3:10, วว 1:10, มธ 28:1-10
2 ปต 3:10 แต่วันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมย และในวันนั้น ฟ้าจะหายลับไปด้วยเสียงดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินกับสิ่งสารพัดที่มีอยู่บนนั้น จะถูกเผาจนหมดสิ้น  
วว 1:10  10พระวิญญาณทรงดลใจข้าพเจ้าในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงดังเหมือนอย่างเสียงแตรมาจากข้างหลังข้าพเจ้า
1ภายหลังวันสะบาโต เวลาใกล้รุ่งเช้าวันอาทิตย์ มารีย์ชาวมักดาลากับมารีย์อีกคนหนึ่งนั้นมาดูอุโมงค์ 2
§    เพราะพระองค์เป็นขึ้นจากความตายในวันอาทิตย์ (วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า)
§    เพราะพระองค์จะกลับมาในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า 
2.2.2.                        ด้วยพิธีบัพติศมาและพิธีศีลมหาสนิท 1 คร 11:23-36
26เพราะว่าเมื่อใดที่พวกท่านกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
§    การเสด็จกลับมายืนยันการเป็นขึ้นจากความตาย
§    เป็นการประกาศการวายพระชนม์จนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมา
2.2.3.                        การหนุนใจกันต่างคนต่างก่อกันขึ้น  1 ทส 5:10-11
10ผู้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา   เพื่อว่าถึงเราจะตื่นอยู่หรือจะหลับ   เราจะได้มีชีวิตกับพระองค์ 11เหตุฉะนั้นจงหนุนใจกันและต่างคนต่างจงก่อกันขึ้น   ตามอย่างที่ท่านกำลังทำอยู่นั้น
2.2.4.                        การรับใช้พระเจ้าด้วยใจร้อนรนและครบบริบูรณ์ มธ 25:14-30, 1 คร 15:58
14“และยังเปรียบเหมือน   ชายผู้หนึ่งจะออกเดินทางไป   จึงเรียกพวกทาสของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้ 15คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์   คนหนึ่งสองตะลันต์   และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว   ตามความสามารถของแต่ละคน   แล้วท่านก็ไป
58เหตุฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า   ท่านจงตั้งมั่นอยู่   อย่าหวั่นไหว   จงปฏิบัติงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา   ท่านทั้งหลายพึงรู้ว่า   โดยองค์พระผู้เป็นเจ้า   การของท่านจะไร้ประโยชน์ก็หามิได้
2.3.                    ต่อคนภายนอก  ด้วยการรีบเร่งในการประกาศข่าวประเสริฐ  มธ 24:14, 2 ปต 3:9
14ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า   จะได้ประกาศไปทั่วโลก   ให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ   แล้วที่สุดปลายจะมาถึง
องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์   ตามที่บางคนคิดนั้น   แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้   เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายมาช้านาน   พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย   แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่
สรุป

เหตุฉะนั้นจงสำแดงความเชื่อในการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ ด้วยการกระทำในชีวิตคริสเตียนอย่างร้อนรน จริงจังและเต็มที่  เพราะเราไม่รู้วันเวลาที่พระองค์จะมา หรือเราไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่อีกนานเท่าใด  แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็ได้เตรียมตัวพร้อมแล้วตลอดเวลา   เพื่อว่าถึงเราจะตื่นอยู่หรือจะหลับ   เราจะได้มีชีวิตกับพระองค์   (1 เธสะโลนิกา 5:10)