โครงร่างคำเทศนา วันอาทิตย์ที่ 21
เมษายน 2024
หัวเรื่อง จงเลิกสงสัยจงเชื่อเถอะ
พระธรรม ยอห์น 20. 24 – 31
24 ฝ่ายโธมัสที่เขาเรียกกันว่าแฝด ซึ่งเป็นสาวกคนหนึ่งในสิบสองคนนั้น ไม่ได้อยู่กับพวกเขาเมื่อพระเยซูเสด็จมา 25 สาวกอื่นๆ จึงบอกโธมัสว่า “เราได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” แต่โธมัสตอบเขาเหล่านั้นว่า “ถ้าข้าไม่เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ของพระองค์ และไม่ได้เอานิ้วของข้าแยงเข้าไปที่รอยตะปูนั้น และไม่ได้เอามือของข้าแยงเข้าไปที่สีข้างของพระองค์แล้ว ข้าจะไม่เชื่อเลย”
26 ครั้นล่วงไปแปดวันแล้ว เหล่าสาวกของพระองค์อยู่ด้วยกันในบ้านนั้นอีก และโธมัสก็อยู่กับพวกเขาด้วย ประตูปิดแล้ว แต่พระเยซูเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขา และตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” 27 แล้วพระองค์ตรัสกับโธมัสว่า “จงยื่นนิ้วมาที่นี่และดูมือของเรา จงยื่นมือออกคลำที่สีข้างของเรา อย่าขาดความเชื่อเลย จงเชื่อเถิด” 28 โธมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์” 29 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข”
คำนำ
วันนี้เป็นวันที่ 21 ของการฟื้นคืนพระชนม์
และในพระธรรมตอนนี้เป็นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ในวันที่ 8 ของการฟื้นคืนพระชนม์
โทมัสเป็นสาวกคนเดียว ที่ไม่ได้พบกับพระเยซู และพูดเสียงแข็งว่า
ถ้าข้าไม่ได้เห็นด้วยตา และไม่ได้จับต้องด้วยมือ จะไม่เชื่อเด็ดขาด ในเหตุการณ์นี้
พระเยซูตรัสกับโทมัสว่า จงเลิกสงสัยจงเชื่อเถอะ ฉะนั้นวันนี้เราจะมาค่อยครวญ
คำรักของพระเยซูคริสต์
1. จงเลิกสงสัย
●
ความสงสัย เท่ากับขาดความเชื่อ หรือ เท่ากับการไม่ได้เชื่อเลย
●
ความสงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเลเป็นเหมือนคนสองใจ ยก 1.6, 8
6 แต่จงขอด้วยความเชื่อและไม่สงสัย เพราะว่าคนที่สงสัยนั้นเป็นเหมือนคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปมา 8 เขาเป็นคนสองจิตสองใจไม่มั่นคงในบรรดาทางของตน
●
ผลที่เกิดขึ้น จากความสงสัย
คือจะไม่ได้รับสิ่งใดเลยจากพระเจ้า ยก 1.7
7 คนๆ นั้นจงอย่าคิดเลยว่าจะได้รับสิ่งใดจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
2. จงเชื่อเถิด
●
ความเชื่อตรงกันข้ามกับความสงสัย
หมายถึง การยอมรับต่างๆ ว่าเป็นจริง มีอยู่จริง
และมีอำนาจที่จะบันดาลให้เกิดผลดีหรือผลร้ายต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์
ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงด้วยเหตุผล
แต่เป็นที่ยอมรับกันในกลุ่มชนหรือสังคม ฮบ 11.1 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
●
ความเชื่อ เกิดจากสองสาเหตุ
○
เกิดจากการมีประสบการณ์โดยตรง ข้อ 25, 30
- ประสบการณ์การตอบคำอธิษฐาน
- ประสบการณ์ในการอัศจรรย์
- ประสบการณ์ในพระพร
- ประสบการณ์เนื่องในฤทธิ์เดชอย่างเปาโล
○
และเกิดจากการได้ยินได้ฟังข่าวประเสริฐ ข้อ 31, รม 10.17
31 แต่การที่ได้บันทึกเหตุการณ์เหล่านี้ไว้ ก็เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อมีความเชื่อแล้ว ท่านก็จะมีชีวิตโดยพระนามของพระองค์ 17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์
● ความเชื่อแท้ คือการยอมรับว่า
พระเยซูคริสต์ เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้อ 28, 31
โธมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์” ก็เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า
3. ผลของความเชื่อ
● ข้อ 28 พระเยซูตรัสว่า
ผู้ที่ไม่เห็นแต่เชื่อ ก็เป็นสุข
มีความหมายอีกอย่างคือ ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ อิ่มแล้ว
เพียงพอแล้ว หลุดพ้นจากบาปแล้ว
● ข้อ 31 อัครสาวกยอน บอกว่า
ผู้ที่เชื่อ จะมีชีวิตนิรันดร์ จะได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไปทั้งโลกนี้และหลังความตาย
สรุป
การเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริสต์
เป็นการยืนยัน ถึงความเป็นพระเจ้า ของพระองค์ และการ ช่วย มนุษย์ให้รอด
ของพระองค์นั้นสำเร็จแล้ว ดังนั้นผู้ที่เชื่อ คือผู้ที่ยอมรับว่า
พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และทรงเป็นพระเจ้า เป็น พระเจ้าของ ข้าพเจ้า
ผู้นั้นจะเป็นสุข และมีชีวิตนิรันดร์แน่นอน