โครงร่างคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2020 คริสตจักรพระคุณเชียงราย
หัวเรื่อง “แก่นแท้ของการปฏิรูปความเชื่อ”
ข้อพระธรรม 1 โครินธ์ 15.1-4
1 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอให้ท่านคำนึงถึงข่าวประเสริฐ ที่ข้าพเจ้าเคยประกาศแก่ท่านทั้งหลาย ซึ่งท่านได้ยอมรับไว้ อันเป็นฐานซึ่งท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่ 2 และซึ่งจะทำให้ท่านรอด ถ้าท่านยังยึดตามหลักคำสอนที่ข้าพเจ้าได้ประกาศนั้น เว้นเสียแต่ท่านได้เชื่อเฉยๆ 3 เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้นั้น ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย เป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือว่าพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์ เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ 4 และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่ ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์นั้น
คำนำ
วันที่
31 ตุลาคม
ของทุกปีถือเป็นวันระลึกคริสตจักรโปรเตสแต้นท์
สืบเนื่องจากการประกาศคัดค้านคำสอนศาสนจักร 95 ข้อ โดยมาร์ตินลูเธอร์ ในปี ค.ศ.
1517 ที่ประเทศเยอรมัน เพื่อเป็นการปฏิรูปหลักธรรมคำสอนของคริสตจักรให้ถูกต้องตามคำสอนในพระคัมภีร์
ดังนั้นวันนี้เราจะมาใคร่ครวญถึง “แก่นแท้ของการปฏิรูปความเชื่อของคริสเตียน”
เพื่อเราจะเข้าใจ ชัดเจนในหลักความเชื่อ
และหลักการดำเนินชีวิตคริสเตียนอย่างถูกต้องตามพระคัมภีร์
คำถาม อะไรคือแก่นแท้ในการปฏิรูปความเชื่อคริสเตียน
?
1.
ผู้ชอบธรรมจะดำรงชีวิตอยู่โดยความชื่อเท่านั้น โรม 1.16 – 17
16 เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อน แล้วพวกต่างชาติด้วย 17 เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้สำแดงออก โดยเริ่มต้นก็ความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ
1.1.
ความรอดและชีวิตนิรันดร์เป็นของประทานที่ให้กับผู้เชื่อวางใจพระเยซูคริสต์
อฟ 2.8-9
8 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ 9 ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้
1.2.
การไถ่บาปได้มาโดยพระเมตตากรุณาของพระเจ้าไม่ใช่โดยวิธีอื่นใด
โรม 3.24-26
24 แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เขาเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว 25 พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญาโดยพระโลหิตของพระองค์ โดยความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อสำแดงให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น 26 และเพื่อจะสำแดงในปัจจุบันนี้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ชอบธรรม และทรงโปรดให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย
2.
ผู้เชื่อทุกคนเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า
1 คร 4.1, 1 ปต 2.16, 2 ทธ 1.9
1 ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้อารักขาสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า
2Tim
1:9 ผู้ทรงช่วยเราให้รอด และทรงให้เรามาเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ไม่ใช่เพราะเห็นแก่การดีที่เราได้กระทำ แต่เพราะเห็นแก่พระประสงค์ของพระองค์เอง และพระคุณซึ่งทรงประทานแก่เรา ในพระเยซูคริสต์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มานั้น
1Pet
2:16 จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้น เป็นข้ออ้างเพื่อจะทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า
2.1.
ผู้เชื่อมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าโดยตรงไม่ต้องผ่านบุคลที่สาม
2.2.
ผู้เชื่อบางคนถูกเรียกให้อยู่ในตำแหน่งผู้นำ อฟ 4.11
Eph
4:11 ของประทานของพระองค์ ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์
3.
สิทธิอำนาจสูงสุดของคริสตจักรคือพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น
2 ทธ 3.16-17, 2 ปต 1.20-21
16 พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม 17 เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง
20 ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจข้อนี้ก่อน คือผู้หนึ่งผู้ใดจะตีความหมายคำของผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เอาเองไม่ได้ 21 เพราะว่าคำของผู้เผยพระวจนะนั้น ไม่ได้มาจากความคิดในจิตใจของมนุษย์ แต่มนุษย์ได้กล่าวคำซึ่งมาจากพระเจ้า ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงดลใจเขา
3.1.
พระวจนะที่อยู่ในพระคัมภีร์
3.2.
พระวจนะที่ได้ยินจากการเทศนาสั่งสอน
3.3.
พระวจนะที่อยู่ในพิธีบัพติศมาและศีลมหาสนิท
4.
พิธีกรรมสำคัญมีสองอย่างตามที่พระเยซูคริสต์ตรัสสั่งเท่านั้น
4.1.
พิธีบัพติศมาในน้ำ มธ 28.19-20
19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ 20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”
4.2.
พิธีศีลมหาสนิท มธ
26.26-29
26 ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา และเมื่อถวายสาธุการแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า “จงรับกินเถิด นี่เป็นกายของเรา” 27 แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วยโมทนาพระคุณและส่งให้เขา ตรัสว่า “จงรับไปดื่มทุกคนเถิด 28 ด้วยว่านี่เป็นโลหิตของเรา อันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนเป็นอันมาก 29 เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำผลแห่งเถาองุ่นต่อไปอีกจนวันนั้นมาถึง คือวันที่เราจะดื่มกันใหม่กับพวกท่านในแผ่นดินแห่งพระบิดาของเรา”
5.
เชื่อในพระประสงค์และน้ำพระทัยของพระเจ้าต่อมนุษย์
ผู้เชื่อสามารถรู้ได้จากพระคัมภีร์ โรม
12.2, ฮบ 10.36 อฟ 5.17
Rom
12:2 อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม
36 ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องมีความอดทน เพื่อว่าท่านจะได้สามารถกระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ แล้วท่านจะได้รับสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้นั้น
17 เหตุฉะนั้นอย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงเข้าใจน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นอย่างไร
สรุป
คริสเตียนที่ชัดเจนในแก่นแท้แห่งหลักความเชื่อแล้ว
จะรักพระเจ้า รักคริสตจักร และรักการรับใช้ จะไม่วิ่งแสวงหาแต่การฟื้นฟู
หรือติดตามนักเทศน์คนหนึ่งคนใด แต่จะมีชีวิตที่อุทิศแด่พระเจ้า รม 12.1
พี่น้องทั้งหลาย
ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย