วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2563

“แก่นแท้ของการปฏิรูปความเชื่อ” ข้อพระธรรม 1 โครินธ์ 15.1-4

 

โครงร่างคำเทศนาวันอาทิตย์ที่  25 ตุลาคม 2020  คริสตจักรพระคุณเชียงราย



หัวเรื่อง                 “แก่นแท้ของการปฏิรูปความเชื่อ”

ข้อพระธรรม        1 โครินธ์ 15.1-4

1 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอให้ท่านคำนึงถึงข่าวประเสริฐ ที่ข้าพเจ้าเคยประกาศแก่ท่านทั้งหลาย ซึ่งท่านได้ยอมรับไว้ อันเป็นฐานซึ่งท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่ 2 และซึ่งจะทำให้ท่านรอด ถ้าท่านยังยึดตามหลักคำสอนที่ข้าพเจ้าได้ประกาศนั้น เว้นเสียแต่ท่านได้เชื่อเฉยๆ 3 เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้นั้น ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย เป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือว่าพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์ เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ 4 และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่ ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์นั้น

คำนำ

วันที่ 31 ตุลาคม  ของทุกปีถือเป็นวันระลึกคริสตจักรโปรเตสแต้นท์ สืบเนื่องจากการประกาศคัดค้านคำสอนศาสนจักร 95 ข้อ โดยมาร์ตินลูเธอร์ ในปี ค.ศ. 1517 ที่ประเทศเยอรมัน  เพื่อเป็นการปฏิรูปหลักธรรมคำสอนของคริสตจักรให้ถูกต้องตามคำสอนในพระคัมภีร์ ดังนั้นวันนี้เราจะมาใคร่ครวญถึง “แก่นแท้ของการปฏิรูปความเชื่อของคริสเตียน” เพื่อเราจะเข้าใจ  ชัดเจนในหลักความเชื่อ และหลักการดำเนินชีวิตคริสเตียนอย่างถูกต้องตามพระคัมภีร์

คำถาม                   อะไรคือแก่นแท้ในการปฏิรูปความเชื่อคริสเตียน ?

1.              ผู้ชอบธรรมจะดำรงชีวิตอยู่โดยความชื่อเท่านั้น   โรม 1.16 – 17

16 เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อน แล้วพวกต่างชาติด้วย 17 เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้สำแดงออก โดยเริ่มต้นก็ความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ

1.1.         ความรอดและชีวิตนิรันดร์เป็นของประทานที่ให้กับผู้เชื่อวางใจพระเยซูคริสต์   อฟ 2.8-9

8 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ 9 ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้

1.2.         การไถ่บาปได้มาโดยพระเมตตากรุณาของพระเจ้าไม่ใช่โดยวิธีอื่นใด โรม 3.24-26

24 แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เขาเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว 25 พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญาโดยพระโลหิตของพระองค์ โดยความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อสำแดงให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น 26 และเพื่อจะสำแดงในปัจจุบันนี้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ชอบธรรม และทรงโปรดให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย

2.              ผู้เชื่อทุกคนเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า 1 คร 4.1,  1 ปต 2.16, 2 ทธ 1.9

1 ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์และเป็นผู้อารักขาสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า

2Tim 1:9 ผู้ทรงช่วยเราให้รอด และทรงให้เรามาเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ไม่ใช่เพราะเห็นแก่การดีที่เราได้กระทำ แต่เพราะเห็นแก่พระประสงค์ของพระองค์เอง และพระคุณซึ่งทรงประทานแก่เรา ในพระเยซูคริสต์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มานั้น

1Pet 2:16 จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้น เป็นข้ออ้างเพื่อจะทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า

2.1.         ผู้เชื่อมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าโดยตรงไม่ต้องผ่านบุคลที่สาม

2.2.         ผู้เชื่อบางคนถูกเรียกให้อยู่ในตำแหน่งผู้นำ  อฟ 4.11

Eph 4:11 ของประทานของพระองค์ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์

3.              สิทธิอำนาจสูงสุดของคริสตจักรคือพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น 2 ทธ 3.16-17, 2 ปต 1.20-21

16 พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม 17 เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง

20 ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจข้อนี้ก่อน คือผู้หนึ่งผู้ใดจะตีความหมายคำของผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เอาเองไม่ได้ 21 เพราะว่าคำของผู้เผยพระวจนะนั้น ไม่ได้มาจากความคิดในจิตใจของมนุษย์ แต่มนุษย์ได้กล่าวคำซึ่งมาจากพระเจ้า ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงดลใจเขา

3.1.         พระวจนะที่อยู่ในพระคัมภีร์

3.2.         พระวจนะที่ได้ยินจากการเทศนาสั่งสอน

3.3.         พระวจนะที่อยู่ในพิธีบัพติศมาและศีลมหาสนิท

4.              พิธีกรรมสำคัญมีสองอย่างตามที่พระเยซูคริสต์ตรัสสั่งเท่านั้น

4.1.         พิธีบัพติศมาในน้ำ  มธ 28.19-20

19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดาพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ 20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค

4.2.         พิธีศีลมหาสนิท มธ 26.26-29

26 ระหว่างอาหารมื้อนั้นพระเยซูทรงหยิบขนมปังมา และเมื่อถวายสาธุการแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่าจงรับกินเถิด นี่เป็นกายของเรา 27 แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วยโมทนาพระคุณและส่งให้เขา ตรัสว่าจงรับไปดื่มทุกคนเถิด 28 ด้วยว่านี่เป็นโลหิตของเรา อันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนเป็นอันมาก 29 เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำผลแห่งเถาองุ่นต่อไปอีกจนวันนั้นมาถึง คือวันที่เราจะดื่มกันใหม่กับพวกท่านในแผ่นดินแห่งพระบิดาของเรา

5.              เชื่อในพระประสงค์และน้ำพระทัยของพระเจ้าต่อมนุษย์ ผู้เชื่อสามารถรู้ได้จากพระคัมภีร์  โรม 12.2, ฮบ 10.36  อฟ 5.17

Rom 12:2 อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม

36 ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องมีความอดทน เพื่อว่าท่านจะได้สามารถกระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ แล้วท่านจะได้รับสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้นั้น

17 เหตุฉะนั้นอย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงเข้าใจน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นอย่างไร

สรุป       

คริสเตียนที่ชัดเจนในแก่นแท้แห่งหลักความเชื่อแล้ว จะรักพระเจ้า รักคริสตจักร และรักการรับใช้ จะไม่วิ่งแสวงหาแต่การฟื้นฟู หรือติดตามนักเทศน์คนหนึ่งคนใด แต่จะมีชีวิตที่อุทิศแด่พระเจ้า รม 12.1

พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย