วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การกระทำที่สำแดงความเชื่อในการเสด็จมาของพระคริสต์ มัทธิว 24:36-37, ยอห์น 14:3

โครงร่างคำเทศนา วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน 2017
หัวข้อ           การกระทำที่สำแดงความเชื่อในการเสด็จมาของพระคริสต์
พระธรรม       มัทธิว 24:36-37, ยอห์น 14:3
36 “แต่วันนั้น   โมงนั้น   ไม่มีใครรู้   ถึงบรรดาทูตสวรรค์หรือพระบุตรก็ไม่รู้   รู้แต่พระบิดาองค์เดียว 37ด้วยสมัยของโนอาห์   ได้เป็นอย่างไร   เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมา   ก็จะเป็นอย่างนั้น
3เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว   เราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา   เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะได้อยู่ที่นั่นด้วย 4
คำนำ           
ความเชื่อในการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ เป็นจุดสุดยอดของความเชื่อคริสตริสเตียน  เพราะเป็นความหวังใจว่าวันหนึ่งพระองค์จะกลับมารับเราไปอยู่กับพระองค์ ตามที่ทรงสัญญาไว้ แม้ไม่รู้ว่าวันเวลาที่พระองค์จะมานั้น พระเยซูตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงเตรียมตัวให้พร้อม เพราะในเวลาที่เราไม่คาดคิดนั้นพระองค์จะเสด็จมา ฉะนั้นเราจะมาใคร่ครวญในหัวข้อ “การกระทำที่สำแดงความเชื่อในการเสด็จมาของพระคริสต์”
1.     ความหมาย
1.1.                     เราเชื่อว่าพระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมารับเราไปอยู่กับพระองค์ ตามที่ทรงสัญญาไว้
1.2.                     เราได้สำแดงความเชื่อเช่นนี้ออกมาเป็นการกระทำในชีวิตการเป็นคริสเตียน
1.3.                     ดังเช่นคริสตจักรในยุคแรก เขาเชื่อมั่นว่าพระเยซูจะเสด็จกลับมาในเวลาอันใกล้ ตาที่พระองค์สัญญาไว้  พวกเขาได้สำแดงความเชื่อเช่นนี้ในการดำเนินชีวิตคริสเตียน
2.     อะไรคือการกระทำ (การดำเนินชีวิต) ที่สำแดงความเชื่อในการเสด็จมาของพระคริสต์
2.1.                    ต่อตัวเอง  ด้วยการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์แด่พระเจ้า  2 ปต 3:10-11
แต่วันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมย และในวันนั้น ฟ้าจะหายลับไปด้วยเสียงดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินกับสิ่งสารพัดที่มีอยู่บนนั้น จะถูกเผาจนหมดสิ้น  11เมื่อเห็นแล้วว่าทุกสิ่งจะต้องสลายไปเช่นนี้ พวกท่านควรจะเป็นคนแบบไหน   ในการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์และที่ยำเกรงพระเจ้า  
2.2.                    ต่อภายในคริสตจักร
2.2.1.                        ด้วยการนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์  2 ปต 3:10, วว 1:10, มธ 28:1-10
2 ปต 3:10 แต่วันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมย และในวันนั้น ฟ้าจะหายลับไปด้วยเสียงดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินกับสิ่งสารพัดที่มีอยู่บนนั้น จะถูกเผาจนหมดสิ้น  
วว 1:10  10พระวิญญาณทรงดลใจข้าพเจ้าในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงดังเหมือนอย่างเสียงแตรมาจากข้างหลังข้าพเจ้า
1ภายหลังวันสะบาโต เวลาใกล้รุ่งเช้าวันอาทิตย์ มารีย์ชาวมักดาลากับมารีย์อีกคนหนึ่งนั้นมาดูอุโมงค์ 2
§    เพราะพระองค์เป็นขึ้นจากความตายในวันอาทิตย์ (วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า)
§    เพราะพระองค์จะกลับมาในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า 
2.2.2.                        ด้วยพิธีบัพติศมาและพิธีศีลมหาสนิท 1 คร 11:23-36
26เพราะว่าเมื่อใดที่พวกท่านกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
§    การเสด็จกลับมายืนยันการเป็นขึ้นจากความตาย
§    เป็นการประกาศการวายพระชนม์จนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมา
2.2.3.                        การหนุนใจกันต่างคนต่างก่อกันขึ้น  1 ทส 5:10-11
10ผู้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา   เพื่อว่าถึงเราจะตื่นอยู่หรือจะหลับ   เราจะได้มีชีวิตกับพระองค์ 11เหตุฉะนั้นจงหนุนใจกันและต่างคนต่างจงก่อกันขึ้น   ตามอย่างที่ท่านกำลังทำอยู่นั้น
2.2.4.                        การรับใช้พระเจ้าด้วยใจร้อนรนและครบบริบูรณ์ มธ 25:14-30, 1 คร 15:58
14“และยังเปรียบเหมือน   ชายผู้หนึ่งจะออกเดินทางไป   จึงเรียกพวกทาสของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้ 15คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์   คนหนึ่งสองตะลันต์   และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว   ตามความสามารถของแต่ละคน   แล้วท่านก็ไป
58เหตุฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า   ท่านจงตั้งมั่นอยู่   อย่าหวั่นไหว   จงปฏิบัติงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา   ท่านทั้งหลายพึงรู้ว่า   โดยองค์พระผู้เป็นเจ้า   การของท่านจะไร้ประโยชน์ก็หามิได้
2.3.                    ต่อคนภายนอก  ด้วยการรีบเร่งในการประกาศข่าวประเสริฐ  มธ 24:14, 2 ปต 3:9
14ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า   จะได้ประกาศไปทั่วโลก   ให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ   แล้วที่สุดปลายจะมาถึง
องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์   ตามที่บางคนคิดนั้น   แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้   เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายมาช้านาน   พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย   แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่
สรุป

เหตุฉะนั้นจงสำแดงความเชื่อในการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ ด้วยการกระทำในชีวิตคริสเตียนอย่างร้อนรน จริงจังและเต็มที่  เพราะเราไม่รู้วันเวลาที่พระองค์จะมา หรือเราไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่อีกนานเท่าใด  แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็ได้เตรียมตัวพร้อมแล้วตลอดเวลา   เพื่อว่าถึงเราจะตื่นอยู่หรือจะหลับ   เราจะได้มีชีวิตกับพระองค์   (1 เธสะโลนิกา 5:10)

วันพุธที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560

บำเหน็จรางวัลของคริสเตียนในสวรรค์ พระธรรม 2 โครินธ์ 5:6-10, 2 ทิโมธี 4:8, ยากอบ 1:12, วิวรณ์ 2:10, 1 เปโตร 5:4,

โครงร่างคำเทศนา วันอาทิตย์ที 14 พฤษภาคม 2017

หัวเรื อง บำเหน็จรางวัลของคริสเตียนในสวรรค์

พระธรรม 2 โครินธ์ 5:6-10, 2 ทิโมธี 4:8, ยากอบ 1:12, วิวรณ์ 2:10, 1 เปโตร 5:4,

1 โครินธ์ 9:25, 1 เธสะโลนิกา 2:19

2 โครินธ์ 5:10 เพราะว่าเราทุกคนจำเป็นต้องปรากฏตัวต่อหน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื1อแต่ละ
คนจะได้รับสง1ิ ทีส1 มกับการกระทำในกายนี6 ไม่ว่าจะดีหรือชัว1
2 ทิโมธี 4:8 ตัง6 แต่นี6ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึง1 องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้
พิพากษาทีช1 อบธรรมจะประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนัน6 และไม่ใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านัน6 แต่จะประทานแก่ทุกคนทีร1 ักการเสด็จมาของพระองค์

คำนำ
เดือนที1ผ่านมาได้แบ่งปันเรื1องจงทำงานของพระเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา เพราะการรับใช้ของเรา
จะเกิดผลแน่นอน ในวันนี6อยากแบ่งปันต่ออีกในห้วข้อ บำเหน็จรางวัลที1คริสเตียนจะได้รับในสวรรค์ มี
ข้อพระคัมภีร์ทีย1 ืนยันว่าในสวรรค์พระเจ้าได้เตรียมบำเหน็ดรางวัลให้คริสเตียนทุกคนตามการกระทำของ
เราขณะทีย1 ังมีชีวิตอยู่ในโลกนี6 ให้เรามาใคร่ครวญพระวจนะด้วยกัน

1. ความหมาย บำเหน็จรางวัลของคริสเตียน

A. คำว่า “รางวัล” คำนาม หมายถึงส1ิงของหรือเงินที1ได้มาเพราะความดีความชอบหรือ
ความสามารถ, ค่าตอบแทนที1ให้แก่ผู้ซึ1งกระทำการอย่างใดอย่างหนึ1งสำเร็จตามที1บ่งไว้
คำกริยา หมายถึง การให้สง1ิ ของโดยความชอบหรือเพื1อเป็นสินนํ6าใจ

B. ความหมายในพระคัมภีร์ หมายถึง พระพรทีพ1 ระเจ้าจัดเตรียมไว้ในสวรรค์เพื1อเป็นสง1ิ ตอบ
แทนการกระทำของคริสเตียนขณะทีอ1 ยู่ในโลก (ฟี ลิปปี 3:14:) 14ข้าพเจ้ากำลังบากบัน1 มุ่งไปสู่
หลักชัย เพื1อจะได้รับรางวัล ซึง1 ในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบือ6 งบน ให้เราไป
รับ

2. ความสำคัญของบำเหน็จรางวัล

A. เพราะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าทีท รงจัดเตรียมไว้สำหรับผู้เชือ ทุกคน (ฟป 3:14, 2 ทธ 4:8)
14ข้าพเจ้ากำลังบากบัน1 มงุ่ ไปสู่หลักชัย เพื1อจะได้รับรางวัล ซึง1 ในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรง
เรียกจากเบือ6 งบน ให้เราไปรับ
2 ทิโมธี 4:8 ตัง6 แต่นี6ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึง1 องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้
พิพากษาทีช1 อบธรรมจะประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนัน6 และไม่ใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านัน6 แต่
จะประทานแก่ทุกคนทีร1 ักการเสด็จมาของพระองค์
ผู้ประทานรางวัลคือพระเจ้าผู้ยง1ิ ใหญ่สูงสุด ไม่มีรางวัลใดมีค่ากว่ารางวัลของพระเจ้าอีกแล้ว มันเป็นทีส1 ุด
ของทีส1 ุด ในโลกนี6เราอาจได้รับรางวัลมากมาย หลายๆ ครัง6 จากบุคคล องค์กร สถาบันต่างๆ แต่
รางวัลเหล่านี6 เป็นรางวัลสำหรับโลกนี6และในพระคัมภีร์เรียกว่าเป็นรางวัลทีไ1 ม่ถาวรและร่วงโรยได้ แต่
รางวัลทีเ1 ราจะได้รับในสวรรค์นัน6 ถาวรนิรันดร์ เพราะผู้ประทานรางวัลนัน6 คือพระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่นิรันดร์

B. เพราะเป็นเกียรติยศและความภาคภูมิใจของชีวิตคริสเตียน (1 โครินธ์ 9:24-25)
24ท่านไม่รู้หรือว่าคนเหล่านัน6 ทีว1 ง1ิ แข่งกันก็วง1ิ ด้วยกันทุกคน แต่คนทีไ1 ด้รับรางวัลมีคนเดียว
เหตุฉะนั6นจงวิ1งเพื1อชิงรางวัลให้ได้ 25ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบ เขากระทำอย่างนัน6 เพื1อ
จะได้มงกุฎใบไม้ซึง1 ร่วงโรยได้ แต่เรากระทำเพื1อจะได้มงกุฎทีไ1 ม่มีวันร่วงโรยเลย
นักกีฬาทีไ1 ด้รับรางวัลชนะเลิศ นอกจากจะได้ความภาคภูมิใจแล้วยังได้รับการยกย่องอย่างยง1ิ ใหญ่ เช่น
สมรักษ์ คำสิงห์ ได้เหรียญทองโอลิมปิก สุดยง1ิ ใหญ่มากแห่กันทัง6 บ้านทัง6 เมือง แต่เวลาผ่านไปเกียรติ
เหล่านี6ก็ค่อยๆ จางหายไป แต่ในสวรรค์รางวัลทีพ1 ระเจ้าให้นัน6 เป็นเกียรติและความภาคภูมิใจของเรา
ตลอดไปเป็นนิตย์ คริสเตียนทุกคนจะได้รับรางวัลในสวรรค์ และนี1จะเป็นเกียรติและความภูมิใจของเรา
ตลอดไป รางวัลของเราก็เป็นเกียรติของเรา

C. เพราะเป็นสิง กำหนดหน้าทีท ีเ ราจะร่วมปกครองกับพระคริสต์ในอาณาจักรพันปี (วิวรณ์ 20:4,6)
4ข้าพเจ้าได้เห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และผู้ทีน1 ัง1 บนบัลลังก์นัน6 เป็นผู้ทีจ1 ะพิพากษา และ
ข้าพเจ้ายังได้เห็นดวงวิญญาณของคนทัง6 ปวงทีถ1 ูกตัดศีรษะ เพราะเป็นพยานของพระเยซูและเพราะ
พระวจนะของพระเจ้า และผู้ทีไ1 ม่ได้บูชาสัตว์ร้ายนัน6 หรือรูปของมัน และไม่ได้ติดเครือ1 งหมายของมัน
ไว้ทีห1 น้าผากหรือทีม1 ือของเขา คนเหล่านัน6 กลับมีชีวิตขึน6 มาใหม่ และได้ครอบครองร่วมกับพระคริสต์
เป็นเวลาพันปี 6ผู้ใดทีไ1 ด้มีส่วนในการฟื6นจากความตายครัง6 แรกก็เป็นสุขและบริสุทธิ J ความตายครัง6 ที1
สองจะไม่มีอำนาจเหนือคนเหล่านั6น แต่เขาจะเป็นปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์ และจะ
ครอบครองร่วมกับพระองค์ตลอดเวลาพันปี
เรือ1 งอาณาจักรพันปีนี6 แม้จะมีการอธิบายหลายอย่าง แต่ข้าพเจ้าเชื1อว่าพระคริสต์จะเสด็จมา
ครองครองโลกนี6เป็นเวลา 1000 ปี แน่นอน เพราะในวิวรณ์บทที 1 20 นี6กล่าวยํ6าถึง 6 ครัง6 สง1ิ ทีก1 ล่าวยำ6
หลายครัง6 แสดงว่าต้องเป็นจริงตามตัวอักษร และเมือ1 พระองค์ปกครองโลกเป็นเวลาพันปีนี6 ผู้เชื1อจะได้
ร่วมในการปกครองกับพระคริสต์ ก็คือบำเหน็จรางวัลทีพ1 ระเจ้าประทานให้เราในสวรรค์ เป็นสง1ิ ที1
กำหนดหน้าทีท1 ีเ1 ราจะร่วมปกครองกับพระคริสต์ในอาณาจักรพันปี

3. ประเภทของบำเหน็จรับรางวัลที คริสเตียนจะได้รับ

ในพระคัมภีร์บอกว่าบำเหน็ดรางวัลทีค1 ริสเตียนจะได้รับในสวรรค์เป็นมงกุฎ คำว่ามงกุฎในทีน1 ี6
หมายถึง เกียรติ หรือสง่าราศี ทีเ1 ราจะได้รับนอกเหนือจากความรอด / ชีวิตนิรันดร์) เราจะพิจารณา
จากพระคัมภีร์ 4 ตอนนี6

A. The crown of righteousness (ไรท์เจียสเนส) หรือมงกุฎแห่งความ
ชอบธรรม ( 2 ทธ 4:8,
1 คร 3:11-14,) เป็นรางวัลทีป1 ระทานให้กับผู้ทีด1 ำเนินชีวิตในความชอบธรรมอย่างสัตย์ซื1อ
2 ทิโมธี 4:8 ตัง6 แต่นี6ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึง1 องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้
พิพากษาทีช1 อบธรรมจะประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนัน6 และไม่ใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านัน6 แต่
จะประทานแก่ทุกคนทีร1 ักการเสด็จมาของพระองค์
1 คร 3:11-14 11เพราะว่าผู้ใดจะวางรากอื1นอีกไม่ได้แล้ว นอกจากทีว1 างไว้แล้วคือพระเยซู
คริสต์ 12บนรากนัน6 ถ้าผู้ใดจะก่อขึน6 ด้วยทองคำ เงิน เพชรพลอย ไม้ หญ้าแห้งหรือฟาง 13การงาน
ของแต่ละคนก็จะได้ปรากฏให้เห็น เพราะวันเวลาจะให้เห็นได้ชัดเจน เพราะว่าจะเห็นชัดได้ด้วยไฟ
ไฟนัน6 จะพิสูจน์ให้เห็นการงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร 14ถ้าการงานของผู้ใดทีก1 ่อขึน6 ทนอยู่ได้ ผู้นัน6
ก็จะได้ค่าตอบแทน 15ถ้าการงานของผู้ใดถูกเผาไหม้ไป ผู้นั6นก็จะขาดค่าตอบแทน แต่ตัวเขาเองจะ
รอด แต่เหมือนดังรอดจากไฟ
อย่างแรก การมาเชื1อพระเยซูคริสต์ เราต้องชัดเจนเด็ดขาดในความเชื1อ เชื1ออย่างแท้จริงไม่หัน
หลังกลับ ไม่ลังเล เพราะอาจารย์เปาโลกล่าวว่า จะวางรากฐานอื1นซํ6าอีกไม่ได้แล้ว เราต้องรักเดียวใจ
เดียวเท่านัน6 อย่าเป็นคริสเตียนแบบงมงาย มัว1 ไปหมด
อย่างทีส1 องคือ การพิสูจน์การดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้า ทีน1 ี1บอกว่าต้องพิสูจน์ด้วย
ไฟถ้าการงานของผู้ใดถูกเผาไหม้ ผู้นัน6 ก็จะขาดค่าตอบแทน ขาดบำเหน็จรางวัลทีเ1 รียกว่า มงกุฎแห่ง
ความชอบธรรมนี1เป็นเหตุผลว่าทำไมพระคัมภีร์เรียกร้องให้เราดำเนินชีวิตให้สมกับการทีเ1 ราเป็นบุตรของ
พระเจ้า ต้องกระทำตามพระวจนะของพระเจ้า

B. The crown of life มงกุฎแห่งชีวิต (วิวรณ์ 2:10, ยากอบ 1:12) เป็นรางวัลทีพ1 ระเจ้าจะ
ประทานให้ผู้ผู้ทีไ1 ด้ทนทุกข์ / สละชีวิตเพื1อพระคริสต์
12คนทีอ1 ดทนต่อการทดลองใจก็เป็นสุข เพราะเมือ1 ปรากฏว่าผู้นัน6 ทนได้แล้ว เขาจะได้รับ
มงกุฎแห่งชีวิต ซึง1 พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้แก่คนทัง6 หลายทีร1 ักพระองค์
10อย่ากลัวความทุกข์ทรมานซึง1 เจ้าจะได้รับนัน6 นี1แน่ะ มารจะขังพวกเจ้าบางคนไว้ในคุกเพื1อ
จะลองใจเจ้า และเจ้าทัง6 หลายจะได้รับความทุกข์ทรมานถึงสิบวัน แต่เจ้าจงมีใจมัน1 คงอยู่ตราบเท่าวัน
ตาย และเราจะมอบมงกุฎแห่งชีวิตให้แก่เจ้า
นี1เป็นเกียรติและสง่าราศีทีพ1 ระเจ้าประทานให้กับคนทีต1 ้องทนทุกข์เพื1อพระคริสต์ เพราะการข่ม
เหง บางคนถึงกับสละชีวิตของตนเพื1อความเชื1อในพระเยซูคริสต์ นี1ก็เป็นเรือ1 งทีท1 ้าทายเราทัง6 หลาย
เป็นอย่างมากเพราะหากเราต้องเจอสถานการณ์เช่นนี6 เราจะยอมทนทุกข์เพื1อพระคริสต์อย่างไร

C. The crown of corruptible มงกุฎทีไ1 ม่ร่วงโรย (1 คร 9:25) เป็นรางวัลทีป1 ระทานให้ผู้ทีป1 ระกาศ
ข่าวประเสริฐ นำดวงวิญญาณมาถวายแด่พระเจ้า(บางตำราอธิบายว่าเป้นมงกฎแห่งความยินดี)
25ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบ เขากระทำอย่างนัน6 เพื1อจะได้มงกุฎใบไม้ซึง1 ร่วงโรย
ได้ แต่เรากระทำเพื1อจะได้มงกุฎทีไ1 ม่มีวันร่วงโรยเลย
ในพระคัมภีร์ตอนบน อาจารย์เปาโลพูดถึงการประกาศข่าวประเสริฐ ท่านยินดีทำทุกย่างเพื1อจะ
ประกาศและนำคนสู่ความรอด ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกชนิดต่อคนทังC ปวง เพือ จะช่วยเขาให้รอด การ
ทีจ1 ะได้รางวัลนี6เราต้องประกาศข่าวประเสริฐ นำคนมาถึงความรอด เกียรติ สง่าราศีสำหรับผู้ประกาศ
ข่าวประเสริฐ (ตย.หมอบริก ผู้วางรากฐานคริสตจักรในจังหวัดเชียงราย) แม้เราไม่ได้เป็นมิชชัน1 นารีแต่
ให้เราเป็นมิชชัน1 นารีในทีท1 ีเ1 ราอยู่ ในทีท1 ำงานของเรา ในหมู่บ้าน จังหวัด ประเทศของเรา

D. The crown of glory มงกุฎแห่งสง่าราศี (1 เปโตร 5:1-4) เป็นรางวัลสำหรับผู้รับใช้พระเจ้า
ผู้ปกครอง มัคนายก ผู้ทีเ1 ลีย6 งดูลูกแกะของพระเจ้าอย่างสัตย์ซื1อ
1เหตุฉะนัน6 ข้าพเจ้าจึงตักเตือนบรรดาผู้ใหญ่ในพวกท่านทัง6 หลาย ในฐานะทีข1 ้าพเจ้าก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ1ง
และเป็นพยานถึงความทุกข์ทรมานของพระคริสต์ และมีส่วนทีจ1 ะรับศักดิศJ รีอันจะมาปรากฏภายหลัง 2
จงเลีย6 งฝูงแกะของพระเจ้าทีอ1 ยู่ในความดูแลของท่าน ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจแต่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ด้วย
การเห็นแก่ทรัพย์สง1ิ ของทีไ1 ด้มาโดยทุจริต แต่ด้วยใจเลื1อมใส 3และไม่ใช่เหมือนเป็นเจ้านายทีข1 ่มขีผ1 ู้ทีอ1 ยู่
ใต้อำนาจ แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนัน6 4และเมื1อพระผู้เลีย6 งผู้ยง1ิ ใหญ่จะเสด็จมาปรากฏ ท่าน
ทัง6 หลายจะรับศักดิศJ รีเป็นมงกุฎทีร1 ่วงโรยไม่ได้เลย
พระคัมภีร์ตอนนี6กล่าวถึงพวกผู้ใหญ่ หรือผู้ปกครอง ผู้ทีเ1 ลีย6 งดูลูกแกะของพระเจ้า สำหรับคนที1ได้อุทิศตัวเพื1อรับใช้พระเจ้า ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแห่งก็ตาม ถ้าเราเป็นคนหนึ1งทีไ1 ด้อุทิศตัวเพื1อเลีย6 งดูลูกแกะของพระเจ้า รางวัลทีเ1 ราจะได้รับคือมงกุฎแห่งสง่าราศี ทีไ1 ม่มีวันร่วงโรยฉะนั6นเราต้องเติมโตขึ6นในการับใช้พระเจ้า อย่างน้อยเป็นพี1เลี6ยงฝ่ายวิญญาณ เป็นหัวหน้ากลุ่ม
เซลล์ ครูรวี มัคนายก ผู้ปกครอง ศิษยาภิบาลและอาจารย์ มิชชัน1 นารี

สรุป


สำหรับคริสเตียนนอกจากเราจะได้เข้าแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าแล้ว พระเจ้ายังมีบำเหน็จ รางวัลสำหรับทุกคนอีกด้วย ดังนัน6 ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะใดในคริสตจักร ขอให้เราดำเนินชีวิตและรับใช้ พระเจ้าอย่างเต็มกำลังความสามารถของเรา เพราะว่าจำเป็นทีเ1 ราทุกคนจะต้องปรากฏตัวทีห1 น้าบัลลังก์ ของพระคริสต์ เพื1อทุกคนจะได้รับสมกับการทีไ1 ด้ประพฤติในร่างกายนี6 อย่างแน่นอน









เราเป็นวิหารที่พระเจ้าทรงสถิต พระธรรม อพยพ 40:16-17,34-38

โครงร่างคาเทศนาวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม 2017
พระธรรม อพยพ 40:16-17,34-38
หัวเรื่อง เราเป็นวิหารที่พระเจ้าทรงสถิต
คานา
ครั้งที่แล้วแบ่งปันในหัวข้อ “การสร้างชีวิตแห่งการนมัสการ” กล่าวถึงอิสราเอลได้รับการไถ่ออกมาจากอียิปต์ มาตั้งถิ่นฐานในถิ่นทุรกันดารซีนาย ที่นี่พระเจ้าทรงสอนเขาเกี่ยวกับรูปแบบชีวิตแห่งการนมัสการ โดยทรงให้รายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการนมัสการ ในบทที่ 40 หลังจากเขาทาตามที่พระเจ้าบัญชาแล้วทุกประการ ในข้อ 34 บอกว่า “ในขณะนั้นมีเมฆมาปกคลุมเต็นท์นัดพบไว้ และพระสิริของพระเจ้า ก็ปรากฏอยู่เต็มพลับพลานั้น” ซึ่งสาแดงถึงการทรงสถิตของพระเจ้า และวันนี้จะแบ่งปันในหัวข้อ “เราเป็นวิหารที่พระเจ้าทรงสถิต”
1. ความหมาย
1.1. แปลตรงตัวคือ สถานที่ซึ่งพระเจ้าทรงสถิต (เมฆปกคลุมคือสัญลักษณ์แห่งการทรงสถิตของพระเจ้า)
1.2. ในพันธสัญญาเดิม
 ก่อนจะสร้างพลับพลา พระสิริของพระเจ้าปกคลุมบนภูเขาซีนาย (อพยพ 19:3,16-20, 24:15-16)
 เมื่อโมเสสสร้างพลับพลาเสร็จพระสิริของพระเจ้าปกคลุมอยู่เต็มพลับพลา (อพยพ 40:34-38)
 เมื่อซาโลมอนสร้างพระวิหารเสร็จพระสิริของพระเจ้าปกคลุมทั่วพระวิหาร (1 พกษ 8:10-13)
(เมฆที่ปกคลุมเป็นสัญลักษณ์ของพระสิริและการทรงสถิตของพระเจ้า กจ 7:49)
1.3. ในพันธสัญญาใหม่
ผู้เชื่อทุกคนถูกเรียกว่า เป็นวิหารของพระเจ้า (1 คร 3:16, 6:19-20, 1 ปต 2:5,เอเฟซัส 2:21) ดังนั้นเราเป็นวิหารที่พระเจ้าทรงสถิต
2. ผู้เชื่อได้มาเป็นพระวิหารของพระเจ้าได้อย่างไร
2.1. ดูจากคาตรัสของพระเจ้า (อสย 66:1-2, กจ 7:49)
2.2. ดูจากคาอธิษฐานของซาโลมอน (1 พกษ 8:27-29)
2.3. ดูจากคาตรัสของพระเยซูคริสต์ (ยน 4:21, มธ 18.19-20)
2.4. จาการเปิดเผยในพันธสัญญาใหม่ (1 คร 3:16, 6:19-20, 1 ปต 2:5,เอเฟซัส 2:21)
3. ทาอย่างไรให้พระวิหารนี้มีความสง่างามเต็มด้วยพระสิริของพระเจ้า
3.1. ถวายเครื่องบูชาฝ่ายวิญญาณทุกๆ วัน (1 ปต 2:5)
3.2. ทาให้นิเวศนี้เป็นนิเวศแห่งการอธิษฐาน (มธ 21:12-13)
3.3. ดาเนินชีวิตในความบริสุทธิ์และยาเกรงพระเจ้า ( 1 คร 3:16-17, รม 6:11-14)
3.4. จาเริญเติบโตขึ้นในฝ่ายวิญญาณ (อฟ 2:21-22)
3.5. ดาเนินชีวิตเป็นแบบอย่างแก่สังคม (มธ 5:16, )
สรุป
เราทุกคนที่บังเกิดใหม่แล้ว เป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งสถิตในตัวของเรา จงให้ร่างกายนี้เป็นวิหารที่สง่างามและเต็มด้วยพระสิริของพระเจ้าทุกๆ วัน