วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เติบโตขึ้นในความรักอย่างพระคริสต์ เอเฟซัส 3:18 - 19





โครงร่างคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม 2018

หัวเรื่อง            เติบโตขึ้นในความรักอย่างพระคริสต์
พระธรรม        เอเฟซัส  3:18 - 19
18ข้าพเจ้าทูลขอให้ท่านสามารถเข้าใจร่วมกับธรรมิกชนทั้งหมดถึงความกว้าง ความยาว ความสูง และความลึก 19คือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อพวกท่านจะได้รับความบริบูรณ์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
คำนำ
อาจารย์เปาโลได้อธิษฐานเผื่อพี่น้องที่เอเฟซัส ให้เขามีความสามารถร่วมกับธรรมกิชนทั่วโลกเพื่อจะเข้าใจและเติบโตขึ้นในความรักของพระคริสต์ วันนี้เราจะมาใคร่ครวญถึง “ลักษณะความรักของพระคริสต์” และทรงเรียกร้องให้เราเติบโตขึ้นในความรักอย่างพระคริสต์
1.              ความรักของพระเยซูคริสต์เป็นความรักสากล ยน 3.16, อฟ 2.1,4
16พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
1ท่านทั้งหลายตายโดยการละเมิดและการบาปของท่าน 4แต่พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา พระองค์ทรงรักเราโดยความรักอันใหญ่หลวงของ
1.1.       หมายถึง  พระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคนเสมอภาคกันในฐานะมนุษย์ที่สร้างตามอยางพระฉายาของพระองค์ ทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรม
1.2.       ข้อเรียกร้องคือ  จงรักเพื่อบ้านเหมือนรักตนเอง มธ 22.37 - 39
37พระเยซูทรงตอบเขาว่า “จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน และด้วยสุดความคิดของท่าน 38นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก 39ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
2.              ความรักของพระเยซูคริสต์เป็นความรักที่ยอมเสียสละ ฟป 2.6-8, รม 5.6-8, 1 ยน 3.16
6ผู้ทรงสภาพเป็นพระเจ้า ไม่ทรงถือว่าความทัดเทียมกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่จะต้องยึดไว้ 7แต่ทรงสละพระองค์เองและทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และทรงปรากฏอยู่ในสภาพมนุษย์ 8พระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลง ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งมรณาบนกางเขน
6ขณะเมื่อเรายังอ่อนกำลัง พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อคนอธรรมในเวลาที่เหมาะสม 7อันที่จริง มีน้อยคนนักจะยอมตายเพื่อคนชอบธรรม แต่บางทีจะมีคนยอมตายเพื่อคนดีก็ได้ 8แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา 9
2.1.       หมายถึง  ด้วยความรักมนุษย์พระองค์จึงทรงยอมสละพระองค์เองเพื่อจะเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
2.2.       ข้อเรียกร้องคือ  ให้เรายอมสละชีวิตเพื่อพี่น้อง รม 1.14-15 โดยขนขวายประกาศข่าวประเสริฐ
14ข้าพเจ้าเป็นหนี้ทั้งพวกกรีกและชาติอื่นๆ ด้วย เป็นหนี้ทั้งพวกนักปราชญ์และคนที่ไม่มีการศึกษาด้วย 15ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขวนขวายที่จะประกาศข่าวประเสริฐแก่พวกท่านที่อยู่ในกรุงโรมด้วย
3.              ความรักของพระเยซูคริสต์เป็นความรักที่หวงแหน มธ 22.37,
37พระเยซูทรงตอบเขาว่า “จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน และด้วยสุดความคิดของท่าน
3.1.       หมายถึง  พระองค์ทรงเรียกร้องจากประชากรของพระองค์ให้ตอบสนองถึงความรักที่พระองค์ทรงรักเราอย่างหมดหัวใจ
3.2.       ข้อเรียกร้องคือ   ยอมเชื่อฟังเยซูคริสต์เหมือนภรรยายอมเชื่อฟังสามี อฟ 5.22-33
22ส่วนภรรยาจงยอมเชื่อฟังสามีของตน เหมือนยอมเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า 23เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ โดยพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด 24คริสตจักรยอมเชื่อฟังพระคริสต์อย่างไร ภรรยาก็ควรยอมเชื่อฟังสามีทุกประการอย่างนั้น
4.              ความรักของพระเยซูคริสต์เป็นความรักที่มั่นคงนิรันดร์  รม 8.35-39
35แล้วใครจะให้เราขาดจากความรักของพระคริสต์ได้?     จะเป็นความทุกข์ หรือความยากลำบาก หรือการเคี่ยวเข็ญ หรือการกันดารอาหาร หรือการเปลือยกาย หรือการถูกโพยภัย หรือการถูกคมดาบหรือ?  37แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ทรงรักเราทั้งหลาย 38เพราะข้าพเจ้าแน่ใจว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย 39หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่งใดๆอื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
4.1.       หมายถึง   ความรักที่พระองค์ทรงรักเรานั้นไม่มีใครสามารถทำลายหรือแย่งชิงไปได้ ไม่มีอะไรทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระองค์ (ไม่เปลี่ยนแปลง)
4.2.       ข้อเรียกร้องคือ  ยน 15.9-10 เข้าสนิทในความรักพระองค์
9พระบิดาทรงรักเราอย่างไร เราก็รักพวกท่านอย่างนั้น จงติดสนิทอยู่กับความรักของเรา 10ถ้าพวกท่านประพฤติตามบัญญัติของเรา ท่านก็จะติดสนิทอยู่กับความรักของเรา เหมือนอย่างที่เราประพฤติตามบัญญัติของพระบิดาและติดสนิทอยู่กับความรักของพระองค์
5.              ความรักของพระเยซูคริสต์เป็นความรักที่สดใหม่เสมอ  อฟ 3.19, พคค 3.22-23
19คือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อพวกท่านจะได้รับความบริบูรณ์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
22ความรักมั่นคงของพระเจ้าไม่เคยหยุดยั้ง    และพระเมตตาของพระเจ้าไม่มีสิ้นสุด    23เป็นของใหม่อยู่ทุกเวลาเช้า   ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก  
5.1.       หมายถึง  ความรักที่พระเจ้าทรงรักเรานั้นไม่เคยจืดจาง แต่หวานซึ่งอยู่เสมอทุกๆ วัน
5.2.       ข้อเรียกร้องคือ  บอกรักพระองค์ทุกๆ วัน   (ตัวอย่าง “ชายแปลกหน้าผู้มาเยือนคริสตจักร)
สรุป        “ผู้ที่เข้าใจในความรักของพระคริสต์  จึงจะเติบโตขึ้นในความรักอย่างพระคริสต์”
เพลงตอบสนอง      “โอ้พระองค์เจ้าเราเข้ามา”
ชายแปลกหน้าผู้มาเยือนคริสตจักร
ศิษยาภิบาลเรียนบทเรียนหนึ่งด้วยความรัก จากชายแปลกหน้าผู้มาเยือนคริสตจักร วันหนึ่งศิษยาภิบาลเดินทางผ่านคริสตจักรของเขาเองในตอนเที่ยง จึงคิดจะแวะดูสักนิดว่าจะมีใครมาอธิษฐานในคริสตจักรไหม ทันไดนั้นเอง ประตูหลังก็เปิดออกพร้อมกับชายคนหนึ่งเดินเข้ามาตามทางเดิน ศิษยาภิบาลหน้านิ่วถมึงทึงด้วยความไม่พอใจ  ชายคนนี้ไม่ได้โกนหนวดเครา เสื้อเชิ้ตออกจะเก่าซอมซ่อ เสื้อนอกก็ขาดวิ่นและหลุดลุ่ยเขาคุกเข่าลง และก้มศีรษะ  จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินจากไปหลายวันต่อมา ตอนเที่ยงหมอนี่ก็โผล่มาที่คริสตจักรอีกเป็นประจำ ในแต่ละครั้งเขาจะมาคุกเข่าอยู่สักครู่หนึ่ง มีกล่องอาหารกลางวันบนหน้าตักแน่นอน! ศิษยาภิบาลตั้งข้อระแวงว่า หมอนี่คงเป็นพวกหัวขโมยแน่ๆ!!! เขาตัดสินใจเข้าไปคุยกับชายผู้นี้ คุณมาทำอะไรที่นี่หรือ?” ชายแก่จึงเล่าให้ฟังว่าเขาทำงานที่โรงงานซึ่งตั้งอยู่บนถนนสายนี้ มีเวลาพักเที่ยงครึ่งชั่วโมง และเวลาเที่ยงเป็นเวลาอธิษฐานเพื่อเขาจะได้รับเรี่ยวแรงและฤทธิ์เดช  ผมอยู่ได้เพียงชั่วครู่เพราะโรงงานอยู่ไกลมาก เมื่อผมคุกเข่าลงและพูดกับองค์พระผู้เป็นเจ้าผมจะบอกอย่างนี้ว่า  องค์พระผู้เป็นเจ้าผมเข้ามาอีกครั้งเพื่อจะบอกพระองค์ว่า ผมมีความสุขมากแค่ไหนตั้งแต่วันที่เราได้รู้จักกันและพระองค์ทรงยกโทษบาปของผม  ผมอธิษฐานไม่ค่อยเก่งนักแต่ผมคิดถึงพระองค์ทุกวันพระเยซู  ผม-จิมมารายงานตัววันนี้
ศิษยาภิบาลรู้สึกกระอักกระอวนกับความเขลาของตนจึงบอกจิมไปว่า เขาสามารถมาที่นี่และอธิษฐานได้ทุกเวลา  ครั้นได้เวลาจากกันจิมส่งยิ้มให้และกล่าว ขอบคุณพร้อมกับเร่งรีบไปที่ประตู  ศิษยาภิบาลคุกเข่าตรงแท่นข้างหน้าอย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อน หัวใจที่เย็นชาของเขาหลอมละลายและอบอุ่นขึ้นด้วยความรัก เขาได้พบพระเยซูที่นั่น ในขณะที่น้ำตาไหลพรากอยู่นั้นภายในหัวใจของเขา ได้อธิษฐานตามอย่างเฒ่าจิมที่ว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าผมเข้ามาอีกครั้งเพื่อจะบอกพระองค์ว่าผมมีความสุขแค่ไหนตั้งแต่วันที่เราได้รู้จักกัน และพระองค์ทรงยกโทษบาปของผม  ผมอธิษฐานไม่ค่อยเก่งนัก  แต่ผมคิดถึงพระองค์ทุกวัน  พระเยซูนี่ผมเอง มารายงานตัววันนี้"
บ่ายวันหนึ่งศิษยาภิบาลเริ่มสังเกตว่าจิมไม่ได้มาเหมือนเคย และเวลาผ่านไปอีกหลายวันโดยที่จิมไม่ได้ปรากฏตัวเขาเริ่มรู้สึกวิตก  ที่โรงงาน ศิษยาภิบาลมาถามหาชายชราชื่อจิมและได้ความว่า เขาป่วย   จึงตามไปเยี่ยม พยาบาลไม่อาจเข้าใจได้ว่า  เหตุใดจิม จึงดีใจอยู่เสมอทั้งที่ไม่มีดอกไม้เยี่ยมไข้  โทรศัพท์ หรือบัตรอวยพร ไม่มีใครสักคนมา   แต่น่าแปลกใจ  จิมอธิบายขึ้นด้วยรอยยิ้มละไมของชัยชนะ  " คุณพยาบาลไม่เข้าใจ   เธอไม่รู้หรอกว่าในครู่ใหญ่ๆของทุกเที่ยงวัน พระเยซูอยู่ที่นี่ เพื่อนรักของผม  คุณเห็นไหมว่าพระองค์กำลังนั่งอยู่  ทรงกุมมือผมไว้ โน้มเข้ามาใกล้และบอกว่า  เราเข้ามาอีกครั้งจิมเพื่อบอกเจ้าว่าเรามีความสุขมากแค่ไหนตั้งแต่วันที่เราได้รู้จักกัน และเรายกโทษบาปของเจ้า เรารักที่จะฟังเจ้าอธิษฐานเสมอ และเราคิดถึงเจ้าทุกวันจิมเราคือเยซูมารายงานตัวในวันนี้


วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

การดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณเพื่อการเติบโต กาลาเทีย 5:16 – 17



โครงร่างคำเทศนา วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม 2018
ผู้เทศนา                                ศจ.เอนกชัย   พรมสวัสดิ์
หัวเรื่อง                 การดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณเพื่อการเติบโต
พระธรรม              กาลาเทีย  5:16 – 17
คำนำ                      ครั้งก่อนได้แบ่งปันเรื่องถึงสัญญาณของการเติบโตฝ่ายวิญญาณอย่างหนึ่งก็คือ ผลของพระ
ญญาณที่เกิดขึ้นในชีวิตคริสเตียน  วันนี้เราจะใคร่ครวญต่อถึงการดำเนินชีวิตตามพระ
วิญญาณเพื่อการเติบโตฝ่ายวิญญาณ
1.              อะไรคือการดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ
1.1.       หมายถึงการยอมให้พระวิญญาณเป็นผู้นำและเราเป็นผู้ตาม (สดด 143:10)
1.2.       ความหมายตรงกันข้ามคือ ไม่เอาตนเองเป็นศูนย์กลางเพื่อตอบสนองความต้องการของเนื้อหนัง (กท 5:16)  ปัญหาของเราในปัจจุบัน เราเอาความคิด เหตุผลของโลกมาแทนที่การทรงนำของพระวิญญาณ
1.3.       ดังนั้น จึงหมาถึงการยอมให้พระวิญญาณ (พระเจ้า) เป็นผู้นำวิถีความคิด คำพูด และพฤติกรรมของเราตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่ใช่ตามวิถีของตัณหาของเนื้อหนัง
2.              ความสำคัญของการดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ
2.1.       เพราะโดยพระวิญญาณเราจึงมีชีวิตใหม่ (กท 5:22, ทต 3:5, รม 8:14)
2.2.       เพราะพระวิญญาณทรงเป็นมัดจำของการรับมรดก (อฟ 1:13-14)
2.3.       เพราะโดยพระวิญญาณทำให้เราสามารถรู้จักน้ำพระทัยพระเจ้า  (ยน 14:25-26, สดด 143:10, 1 คร 2:9-11)
2.4.       เพราะพระวิญญาณจะทรงอธิษฐานแทนเราในเวลาคับขัน  (รม 8:26-27)
2.5.       เพราะพระวิญญาณเป็นศรัตรูกับการงานของเนื้อหนัง  (กท 5:17, รม 8.7)
3.              จะดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณอย่างไร
3.1.       ยอมรับเชื่อพระนามของพระเยซูคริสต์ สำหรับผู้ที่ยังไม่เชื่อ  (รม 8:9,14-16)
3.2.       ปฏิเสธความต้องการของเนื้อหนัง  (กท 5:16-18, รม 8:9)
3.3.       สนใจในสิ่งที่เป็นของพระวิญญาณ (รม 8:5-6)
3.4.       รับการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (กจ 1:8, 2:1-3)
3.5.       รับใช้ตามของประทานที่พระวิญญาณประทานให้ (1 คร 12:4,8,11)
สรุป
ชีวิตคริสเตียนไม่สามารถเติบโตได้โดยการตอบสนองความต้องการของเนื้อหนัง แต่โดยการดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณนั้นจะทำให้เราเติบโตขึ้นสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ (ขอพระวิญญาณประทานเสรี)