โครงร่างคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม 2018
หัวเรื่อง เติบโตขึ้นในความรักอย่างพระคริสต์
พระธรรม เอเฟซัส
3:18 - 19
18ข้าพเจ้าทูลขอให้ท่านสามารถเข้าใจร่วมกับธรรมิกชนทั้งหมดถึงความกว้าง
ความยาว ความสูง และความลึก 19คือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้
เพื่อพวกท่านจะได้รับความบริบูรณ์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
คำนำ
อาจารย์เปาโลได้อธิษฐานเผื่อพี่น้องที่เอเฟซัส
ให้เขามีความสามารถร่วมกับธรรมกิชนทั่วโลกเพื่อจะเข้าใจและเติบโตขึ้นในความรักของพระคริสต์
วันนี้เราจะมาใคร่ครวญถึง “ลักษณะความรักของพระคริสต์” และทรงเรียกร้องให้เราเติบโตขึ้นในความรักอย่างพระคริสต์
1.
ความรักของพระเยซูคริสต์เป็นความรักสากล
ยน 3.16, อฟ 2.1,4
16พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้
คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ
แต่มีชีวิตนิรันดร์
1ท่านทั้งหลายตายโดยการละเมิดและการบาปของท่าน
4แต่พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา พระองค์ทรงรักเราโดยความรักอันใหญ่หลวงของ
1.1.
หมายถึง
พระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคนเสมอภาคกันในฐานะมนุษย์ที่สร้างตามอยางพระฉายาของพระองค์
ทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรม
1.2.
ข้อเรียกร้องคือ จงรักเพื่อบ้านเหมือนรักตนเอง มธ 22.37 - 39
37พระเยซูทรงตอบเขาว่า
“จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน
และด้วยสุดความคิดของท่าน 38นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก 39ข้อที่สองก็เหมือนกัน
คือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
2.
ความรักของพระเยซูคริสต์เป็นความรักที่ยอมเสียสละ
ฟป 2.6-8, รม 5.6-8, 1 ยน 3.16
6ผู้ทรงสภาพเป็นพระเจ้า
ไม่ทรงถือว่าความทัดเทียมกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่จะต้องยึดไว้ 7แต่ทรงสละพระองค์เองและทรงรับสภาพทาส
ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และทรงปรากฏอยู่ในสภาพมนุษย์ 8พระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลง
ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งมรณาบนกางเขน
6ขณะเมื่อเรายังอ่อนกำลัง
พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อคนอธรรมในเวลาที่เหมาะสม 7อันที่จริง
มีน้อยคนนักจะยอมตายเพื่อคนชอบธรรม แต่บางทีจะมีคนยอมตายเพื่อคนดีก็ได้ 8แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา
คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา 9
2.1.
หมายถึง
ด้วยความรักมนุษย์พระองค์จึงทรงยอมสละพระองค์เองเพื่อจะเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
2.2.
ข้อเรียกร้องคือ ให้เรายอมสละชีวิตเพื่อพี่น้อง รม 1.14-15 โดยขนขวายประกาศข่าวประเสริฐ
14ข้าพเจ้าเป็นหนี้ทั้งพวกกรีกและชาติอื่นๆ
ด้วย เป็นหนี้ทั้งพวกนักปราชญ์และคนที่ไม่มีการศึกษาด้วย 15ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขวนขวายที่จะประกาศข่าวประเสริฐแก่พวกท่านที่อยู่ในกรุงโรมด้วย
3.
ความรักของพระเยซูคริสต์เป็นความรักที่หวงแหน
มธ 22.37,
37พระเยซูทรงตอบเขาว่า
“จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน
และด้วยสุดความคิดของท่าน
3.1.
หมายถึง พระองค์ทรงเรียกร้องจากประชากรของพระองค์ให้ตอบสนองถึงความรักที่พระองค์ทรงรักเราอย่างหมดหัวใจ
3.2.
ข้อเรียกร้องคือ ยอมเชื่อฟังเยซูคริสต์เหมือนภรรยายอมเชื่อฟังสามี
อฟ 5.22-33
22ส่วนภรรยาจงยอมเชื่อฟังสามีของตน
เหมือนยอมเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า 23เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยา
เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระองค์
โดยพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด 24คริสตจักรยอมเชื่อฟังพระคริสต์อย่างไร
ภรรยาก็ควรยอมเชื่อฟังสามีทุกประการอย่างนั้น
4.
ความรักของพระเยซูคริสต์เป็นความรักที่มั่นคงนิรันดร์ รม 8.35-39
35แล้วใครจะให้เราขาดจากความรักของพระคริสต์ได้? จะเป็นความทุกข์
หรือความยากลำบาก หรือการเคี่ยวเข็ญ หรือการกันดารอาหาร หรือการเปลือยกาย
หรือการถูกโพยภัย หรือการถูกคมดาบหรือ? 37แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้
เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ทรงรักเราทั้งหลาย 38เพราะข้าพเจ้าแน่ใจว่า
แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า
หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย 39หรือซึ่งสูง
หรือซึ่งลึก หรือสิ่งใดๆอื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น
จะไม่สามารถทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้า
ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
4.1.
หมายถึง
ความรักที่พระองค์ทรงรักเรานั้นไม่มีใครสามารถทำลายหรือแย่งชิงไปได้
ไม่มีอะไรทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระองค์ (ไม่เปลี่ยนแปลง)
4.2.
ข้อเรียกร้องคือ ยน 15.9-10 เข้าสนิทในความรักพระองค์
9พระบิดาทรงรักเราอย่างไร
เราก็รักพวกท่านอย่างนั้น จงติดสนิทอยู่กับความรักของเรา 10ถ้าพวกท่านประพฤติตามบัญญัติของเรา
ท่านก็จะติดสนิทอยู่กับความรักของเรา
เหมือนอย่างที่เราประพฤติตามบัญญัติของพระบิดาและติดสนิทอยู่กับความรักของพระองค์
5.
ความรักของพระเยซูคริสต์เป็นความรักที่สดใหม่เสมอ อฟ 3.19, พคค 3.22-23
19คือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้
เพื่อพวกท่านจะได้รับความบริบูรณ์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
22ความรักมั่นคงของพระเจ้าไม่เคยหยุดยั้ง และพระเมตตาของพระเจ้าไม่มีสิ้นสุด 23เป็นของใหม่อยู่ทุกเวลาเช้า ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก
5.1.
หมายถึง ความรักที่พระเจ้าทรงรักเรานั้นไม่เคยจืดจาง
แต่หวานซึ่งอยู่เสมอทุกๆ วัน
5.2.
ข้อเรียกร้องคือ บอกรักพระองค์ทุกๆ วัน (ตัวอย่าง “ชายแปลกหน้าผู้มาเยือนคริสตจักร)
สรุป “ผู้ที่เข้าใจในความรักของพระคริสต์ จึงจะเติบโตขึ้นในความรักอย่างพระคริสต์”
เพลงตอบสนอง “โอ้พระองค์เจ้าเราเข้ามา”
ชายแปลกหน้าผู้มาเยือนคริสตจักร
ศิษยาภิบาลเรียนบทเรียนหนึ่งด้วยความรัก จากชายแปลกหน้าผู้มาเยือนคริสตจักร
วันหนึ่งศิษยาภิบาลเดินทางผ่านคริสตจักรของเขาเองในตอนเที่ยง
จึงคิดจะแวะดูสักนิดว่าจะมีใครมาอธิษฐานในคริสตจักรไหม ทันไดนั้นเอง
ประตูหลังก็เปิดออกพร้อมกับชายคนหนึ่งเดินเข้ามาตามทางเดิน
ศิษยาภิบาลหน้านิ่วถมึงทึงด้วยความไม่พอใจ
ชายคนนี้ไม่ได้โกนหนวดเครา เสื้อเชิ้ตออกจะเก่าซอมซ่อ
เสื้อนอกก็ขาดวิ่นและหลุดลุ่ยเขาคุกเข่าลง และก้มศีรษะ
จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินจากไปหลายวันต่อมา
ตอนเที่ยงหมอนี่ก็โผล่มาที่คริสตจักรอีกเป็นประจำ
ในแต่ละครั้งเขาจะมาคุกเข่าอยู่สักครู่หนึ่ง มีกล่องอาหารกลางวันบนหน้าตักแน่นอน!
ศิษยาภิบาลตั้งข้อระแวงว่า หมอนี่คงเป็นพวกหัวขโมยแน่ๆ!!!
เขาตัดสินใจเข้าไปคุยกับชายผู้นี้ “คุณมาทำอะไรที่นี่หรือ?”
ชายแก่จึงเล่าให้ฟังว่าเขาทำงานที่โรงงานซึ่งตั้งอยู่บนถนนสายนี้
มีเวลาพักเที่ยงครึ่งชั่วโมง และเวลาเที่ยงเป็นเวลาอธิษฐานเพื่อเขาจะได้รับเรี่ยวแรงและฤทธิ์เดช “ผมอยู่ได้เพียงชั่วครู่เพราะโรงงานอยู่ไกลมาก
เมื่อผมคุกเข่าลงและพูดกับองค์พระผู้เป็นเจ้าผมจะบอกอย่างนี้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผมเข้ามาอีกครั้งเพื่อจะบอกพระองค์ว่า
ผมมีความสุขมากแค่ไหนตั้งแต่วันที่เราได้รู้จักกันและพระองค์ทรงยกโทษบาปของผม
ผมอธิษฐานไม่ค่อยเก่งนักแต่ผมคิดถึงพระองค์ทุกวันพระเยซู… ผม-จิมมารายงานตัววันนี้”
ศิษยาภิบาลรู้สึกกระอักกระอวนกับความเขลาของตนจึงบอกจิมไปว่า
เขาสามารถมาที่นี่และอธิษฐานได้ทุกเวลา
ครั้นได้เวลาจากกันจิมส่งยิ้มให้และกล่าว “ขอบคุณ”
พร้อมกับเร่งรีบไปที่ประตู
ศิษยาภิบาลคุกเข่าตรงแท่นข้างหน้าอย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อน
หัวใจที่เย็นชาของเขาหลอมละลายและอบอุ่นขึ้นด้วยความรัก เขาได้พบพระเยซูที่นั่น
ในขณะที่น้ำตาไหลพรากอยู่นั้นภายในหัวใจของเขา ได้อธิษฐานตามอย่างเฒ่าจิมที่ว่า
"องค์พระผู้เป็นเจ้าผมเข้ามาอีกครั้งเพื่อจะบอกพระองค์ว่าผมมีความสุขแค่ไหนตั้งแต่วันที่เราได้รู้จักกัน
และพระองค์ทรงยกโทษบาปของผม
ผมอธิษฐานไม่ค่อยเก่งนัก
แต่ผมคิดถึงพระองค์ทุกวัน พระเยซู…
นี่ผมเอง มารายงานตัววันนี้"
บ่ายวันหนึ่งศิษยาภิบาลเริ่มสังเกตว่าจิมไม่ได้มาเหมือนเคย และเวลาผ่านไปอีกหลายวันโดยที่จิมไม่ได้ปรากฏตัวเขาเริ่มรู้สึกวิตก ที่โรงงาน
ศิษยาภิบาลมาถามหาชายชราชื่อจิมและได้ความว่า เขาป่วย
จึงตามไปเยี่ยม พยาบาลไม่อาจเข้าใจได้ว่า เหตุใดจิม จึงดีใจอยู่เสมอทั้งที่ไม่มีดอกไม้เยี่ยมไข้
โทรศัพท์ หรือบัตรอวยพร ไม่มีใครสักคนมา แต่น่าแปลกใจ จิมอธิบายขึ้นด้วยรอยยิ้มละไมของชัยชนะ
" คุณพยาบาลไม่เข้าใจ เธอไม่รู้หรอกว่าในครู่ใหญ่ๆของทุกเที่ยงวัน
พระเยซูอยู่ที่นี่ เพื่อนรักของผม คุณเห็นไหมว่าพระองค์กำลังนั่งอยู่
ทรงกุมมือผมไว้ โน้มเข้ามาใกล้และบอกว่า “เราเข้ามาอีกครั้ง…จิม… เพื่อบอกเจ้าว่าเรามีความสุขมากแค่ไหนตั้งแต่วันที่เราได้รู้จักกัน
และเรายกโทษบาปของเจ้า เรารักที่จะฟังเจ้าอธิษฐานเสมอ และเราคิดถึงเจ้าทุกวันจิม…
เราคือเยซูมารายงานตัวในวันนี้”