วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2561

อนุชน (คน) ที่พระเจ้าทรงใช้ทำการใหญ่ 1 ซามูเอล 17:1-50


โครงร่างคำเทศนา วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน 2018
พระธรรม                 1 ซามูเอล  17:1-50
หัวเรื่อง                     อนุชน (คน) ที่พระเจ้าทรงใช้ทำการใหญ่
คำนำ                      องค์การสหประชาชาติได้กำหนดเดือนกันยายน เป็นวันเยาวชน เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนตระหนักในหน้าที่ต่อตนเอง ครอบครัวสังคมและประเทศชาติ ประเทศไทยได้กำหนดวันที่ 20 กันยายน เป็นวันเยาวชนแห่งชาติ
วันนี้เราจะมาเรียนรู้ชีวิตของเยาวชนตัวเล็กๆ คนหนึ่งในพระคัมภีร์ ที่ในสายตาชองมนุษย์มักจะมองข้าม แต่เขาได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า แม้จะเป็นเยาวชนแต่โดยพระเจ้าจึงสามารถทำการใหญ่ได้   คือเรื่องราวของดาวิดที่ครั้งหนึ่งเป็นเพียงเด็กเลี้ยงแกะ แต่โดยพระเจ้าเขาสามารถพิชิตศัตรูอย่างโกลิอัท ผู้ที่ไม่มีทหารของอิสราเองแม้แต่คนเดียวกล้าออกไปต่อสู้
เยาวชน (และเราทุกคน) แม้จะดูว่าเป็นเด็กหนุ่มในสายตามนุษย์ แต่โดยพระเจ้าเราจะสามารถทำการใหญ่เพื่อพระเจ้าได้ วันนี้เราจะเรียนรู้จากชีวิตของดาวิด ว่าเขามี “คุณลักษณะชีวิต” อย่างไรจึงสามารถทำการใหญ่ได้
คำว่า “ทำการใหญ่” หมายความว่า เราจะได้ทำในเรื่องที่ใหญ่ขึ้น ในหน้าที่ อาชีพการงาน และการรับใช้พระเจ้า   เหมือนอย่างดาวิด
1.            ด้านความรับผิดชอบต่อหน้าที่
เพราะความรับผดชอบคือคุณลักษณะที่จะทำให้เราได้เจรญเตบโตในหน้าที่การงาน อาชีพและการรับใช้พระเจ้าเหมือนอย่างดาวด
1.1.         ฐานะลูกที่ต้องดูแลฝูงแกะของบิดา ( ซมอ 16:11, 17:34)
11แล้วซามูเอลกล่าวแก่เจสซีว่า   “บุตรชายของท่านอยู่ที่นี่หมดแล้วหรือ”   เจสซีตอบว่า   “ยังมีคนสุดท้องอีกคนหนึ่ง   ดูเถิด  เขากำลังเลี้ยงแกะอยู่”   และซามูเอลกล่าวแก่เจสซีว่า   “จงใช้คนไปตามเขามา   เพราะเราจะไม่ยอมนั่งจนกว่าเขาจะมาที่นี่”
34แต่ดาวิดทูลซาอูลว่า   “ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเคยดูแลแพะแกะของบิดา   และเมื่อมีสิงห์หรือหมีมาเอาลูกแกะตัวหนึ่งไปจากฝูง
หน้าที่ต่อครอบครัวของเราคืออะไร ..... ในแต่ละช่วงอายุหน้าที่จะเปลี่ยนไป และจะมากขึ้นๆ แต่เราต้องเป็นคนที่มีความรับผดชอบ
1.2.         ฐานะน้องที่ต้องรับผิดชอบคอยส่งเสบียงให้พี่ชาย  (1 ซมอ 17:17-20)
17เจสซีสั่งดาวิดบุตรของตนว่า   “ข้าวคั่วนี้เอฟาห์หนึ่ง  และขนมปังสิบก้อนนี้   อันจัดไว้ให้พวกพี่ชายของเจ้า   จงเอาไปให้พี่ชายของเจ้าที่ค่ายเร็วๆ 18และจงนำเนยแข็งสิบชิ้นนี้ไปให้ แก่ผู้บังคับกองพันของเขาด้วย   ดูว่าพี่ชายของเจ้าทุกข์สุขอย่างไร   แล้วรับของฝากมาจากเขาบ้าง”    19ฝ่ายซาอูลกับเขาทั้งหลายและคนอิสราเอลทั้งปวง   อยู่ที่หุบเขาเอลาห์สู้รบกับคนฟีลิสเตียอยู่ 20ดาวิดจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืด   และทิ้งแกะไว้กับผู้ดูแล   นำเสบียงอาหารเดินทางไปตามที่เจสซีได้บัญชาแก่เขา   และเขาก็มาถึงเขตค่าย   ขณะเมื่อกองทัพกำลังยกออกไปสู่แนวรบ   พลางร้องกราวศึก
ต่อคนในครอบครัวเราก็ต้องไม่ขาดตกบกพร่อง ในการเลือกมัคนายกของครสตจักร เปาโลได้กำชับว่าจะต้องเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่คนในครัวเรือนของตนได้ดี เพราะถ้าดูและคนในครัวเรือนของตนไม่ได้จะไปดูแลครสตจักรของพระเจ้าได้อย่างไร  ดังนั้นเรามีความรับผดชอบต่อคนในครอบครัวของเราด้วย ทั้งพ่อแม่ พี่น้องและต่อตนเอง
1.3.         ฐานะพลเมืองของประเทศอาสาสู้รบ (1 ซมอ 17:32)
32ดาวิดก็ทูลซาอูลว่า   “อย่าให้จิตใจของผู้ใดฝ่อไปเพราะชายคนนั้นเลย   ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะไปสู้รบกับคนฟีลิสเตียคนนี้”
ต่อบ้านเมืองบางครั้งเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ   บางครั้งเป็นเรื่องการอาสาทำ    การที่เราอาสาทำนั้นอาจจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จตามวัตถุประสงค์ แต่ไม่ได้หมายความว่าส่งที่เราทำไม่ดีหรือล้มเหลว เพราะอาจไม่สำเร็จเพียงหนึ่งครั้งแต่ใครจะรู้ว่าภายภาคหน้าอาจจะเป็นคุณอย่างมากมาย  ดังนั้น  กาลาเทีย 6:9:  อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี   เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว   เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร
2.            ด้านความสัมพันธ์กับพระเจ้า
ส่งที่ครสเตียนเราแตกต่างจากคนอื่นๆ ก็คือเรามีความสัมพันธ์กับพระเจ้า และความสัมพันธ์นี้จะส่งผลให้เราได้รับพระพรทั้งในฝ่ายวญญาณและในฝ่ายโลกนี้  เหมืออย่างที่ดาวดมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าในที่สุดเราเห็นว่าเขาได้เป็นกษัตรย์ที่ย่งใหญ่มากของชนชนตอสราเอล
2.1.         สนิทสนมกับพระเจ้า (1 ซมอ 16:18)
18คนหนึ่งในพวกชายหนุ่มทูลว่า   “ดูเถิด   ข้าพระบาทเห็นบุตรคนหนึ่งของเจสซีชาวเบธเลเฮม   เป็นผู้มีฝีมือในการดีดพิณ   เป็นคนกล้าหาญ   เป็นนักรบ  พูดเก่ง   และเป็นคนมีหน้าตาดี   และพระเจ้าทรงสถิตกับเขา” 
คนอื่นๆ ก็ยังกล่าวขานถึงดาวดว่าตดสนทกับพระเจ้า หรือพระเจ้าทรงสถดกับดาวด  เป็นความสนทสนมในฝ่ายวญญาณ   ให้ชื่อเสียงของเราเป็นเช่นนี้
2.2.         รักในการนมัสการพระเจ้าเป็นชีวิตจิตใจ (สดุดี 104:33-34)
33ข้ามีชีวิตอยู่ตราบใด  ข้าจะร้องเพลงถวายพระเจ้า    ขณะข้ายังเป็นอยู่  ข้าจะร้องเพลงสดุดีถวายพระเจ้าของข้า    34ขอการภาวนาของข้าเป็นสิ่งที่พอพระทัย  ข้าเปรมปรีดิ์ในพระเจ้า  
ดาวดได้รับการยกย่อมมากในเรื่องรักพระเจ้าและรักที่จะนมัสการพระเจ้าเป็นชีวตจตใจ ขณะเป็นเด็กลี้ยงแกะ เขาก็เล่นพนและร้องเพลงนมัสการพระเจ้า จนแต่บทเพลงสดุดีบทที่ 23 ขึ้นมาด้วยความซาบซึ้งในการเลี้ยงดูของพระเจ้า   ขอหนุนใจอนุชนและพี่น้องทุกคนให้เอาใจใส่กับการนมัสการพระเจ้า แล้วความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าจะแนบแน่นมากขึ้นๆ
2.3.         รักพระธรรมของพระเจ้า (สดุดี 119:97, 103, 105)
97แหม  ข้าพระองค์รักพระธรรมของพระองค์จริงๆเป็นคำภาวนาของข้าพระองค์วันยังค่ำ 103พระดำรัสของพระองค์นั้น  ข้าพระองค์ชิมแล้วหวานจริงๆ หวานกว่าน้ำผึ้งเมื่อถึงปากข้าพระองค์   105พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์   และเป็นความสว่างแก่มรรคาของข้าพระองค์  
สามอย่างที่เราต้องเป็นคือ  รัก  กน  และทำตามพระวจนะของพระเจ้า เพราะดาวดได้ทำอย่างนี้แล้วเราเห็นว่า พระเจ้าอวยพระพรให้เขาเจรญก้าวหน้าในชีวต หน้าที่การงานและการรับใช้พระเจ้า
3.            ด้านการรับใช้พระเจ้า
นี่คือหน้าที่ของครสเตียนทุกคน  เรามีหน้าที่ในการรับใช้พระเจ้าตามของประทานที่พระวญญาณประทานให้ตามน้ำพระทัยของพระองค์  คนที่ทำเพื่อพระเจ้า พระเจ้าจะทรงตอบแทนแน่นอน
3.1.         มีความร้อนรนเพื่อพระนามพระเจ้า (1 ซมอ 17:26, 32)
26และดาวิดกล่าวแก่ชายคนที่ยืนอยู่ข้างเขาว่า     “เขาจะทำอย่างไรแก่คนที่ฆ่าคนฟีลิสเตียคนนี้ได้   และนำเอาความเหยียดหยามอิสราเอลไปเสีย   คนฟีลิสเตียผู้มิได้เข้าสุหนัตคนนี้คือใครเล่า   เขาจึงมาท้าทายกองทัพของพระเจ้าอยู่”
32ดาวิดก็ทูลซาอูลว่า   “อย่าให้จิตใจของผู้ใดฝ่อไปเพราะชายคนนั้นเลย   ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะไปสู้รบกับคนฟีลิสเตียคนนี้”
ความร้อนรนเป็นท่าทีในฝ่ายวญญาณที่เราจะทำเพื่อพระเจ้า ไม่ว่ามีงานรับใช้ใดๆ เราต้องมีท่าทีแบบนี้ก่อน ส่วนจะมีส่วนในการรับใช้มากหรือน้อยนั้นสุดแต่กำลังของเราเอง  เพราะพระเจ้าไม่ได้บังคับและไม่จำเป็นต้องทำเพราะความเกรงใจ  เพราะจะขาดสันตสุขในส่งนั้นๆ
ดาวดมีความสุขมาก เมื่อมีใจที่รอนรนเพื่อพระเจ้า แม้พวกพี่ชายจะว่าดาวดก็ตาม แต่เพื่อพระเจ้าเขาแสดงออกถึงความร้อนรน
3.2.         ­มีความเชื่อไว้วางใจพระเจ้า (1 ซมอ 17:34-37)
34แต่ดาวิดทูลซาอูลว่า   “ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเคยดูแลแพะแกะของบิดา   และเมื่อมีสิงห์หรือหมีมาเอาลูกแกะตัวหนึ่งไปจากฝูง 35ข้าพระบาทก็ไล่ตามฆ่ามัน   และช่วยกู้ลูกแกะนั้นมาจากปากของมัน   ถ้ามันลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระบาท   ข้าพระบาทก็จับหนวดเคราของมัน   และทุบตีมันจนตาย 36ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้ฆ่าสิงห์และหมีนั้นมาแล้ว   คนฟีลิสเตียผู้มิได้เข้าสุหนัตคนนี้ก็เป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้น ตัวหนึ่ง   ด้วยเขาได้ท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” 37และดาวิดทูลต่อไปว่า   “พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากขยุ้มเท้าของสิงห์   และจากขยุ้มเท้าของหมี   จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากมือของคนฟีลิสเตียคนนี้”   และซาอูลจึงตรัสแก่ดาวิดว่า   “จงไปเถอะ  และพระเจ้าจะทรงสถิตอยู่กับเจ้า”
การรับใช้พระเจ้าของเราต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อวางใจในพระเจ้า แล้วจะเห็นการเกดผลแน่นอน  ทั้งงานรับใช้และชีวต หน้าที่การงานของเราก็จะเกดผลด้วย
3.3.         มีความชัดเจนในวิธีการ (น้ำพระทัย) ของพระเจ้า (1 ซมอ 17:38-40, 45-49)
38แล้วซาอูลก็ทรงเอาเครื่องอาวุธของพระองค์สวมให้ดาวิด   ทรงสวมหมวกทองสัมฤทธิ์บนศีรษะของเขา   และสวมเสื้อเกราะให้เขา 39และดาวิดก็คาดดาบทับเครื่องอาวุธ   เขาลองเดินดูก็เห็นว่าใช้ไม่ได้   เพราะเขาไม่ชิน  แล้วดาวิดจึงทูลซาอูลว่า   “ข้าพระบาทจะสวมเครื่องเหล่านี้ไปไม่ได้   เพราะว่าข้าพระบาทไม่ชิน”   ดาวิดจึงปลดออกเสีย 40แล้วจึงถือไม้เท้าไว้   และเลือกก้อนหินเกลี้ยงจากลำธารได้ห้าก้อน   จึงใส่ในย่ามผู้เลี้ยงแกะของเขาในถุงของ เขาและมือถือสลิงอยู่   ท่านก็เข้าไปใกล้คนฟีลิสเตียคนนั้น
45แล้วดาวิดก็พูดกับคนฟีลิสเตียคนนั้นว่า   “ท่านมาหาข้าพเจ้าด้วยดาบ  ด้วยหอกและด้วยหอกซัด   แต่ข้าพเจ้ามาหาท่านในพระนามแห่งพระเจ้าจอมโยธา   พระเจ้าแห่งกองทัพอิสราเอล   ผู้ซึ่งท่านได้ท้าทายนั้น 46ในวันนี้พระเจ้าจะทรงมอบท่านไว้ในมือข้าพเจ้า   และข้าพเจ้าจะประหารท่านและตัดศีรษะของท่านเสีย   และในวันนี้ข้าพเจ้าจะให้ศพของกองทัพฟีลิสเตีย แก่นกในอากาศและแก่สัตว์ป่า   เพื่อทั้งพิภพนี้จะทราบว่ามีพระเจ้าพระองค์หนึ่งในอิสราเอล 47และชุมนุมชนนี้ทั้งสิ้นจะทราบว่า   พระเจ้ามิได้ทรงช่วยด้วยดาบหรือด้วยหอก   เพราะว่าการรบครั้งนี้เป็นของพระเจ้า   พระองค์จะทรงมอบท่านไว้ในมือของเราทั้งหลาย”  48อยู่มาเมื่อคนฟีลิสเตียคนนั้นลุกขึ้นเข้ามาใกล้เพื่อ ปะทะดาวิด   ดาวิดก็วิ่งเข้าหาแนวรบเพื่อปะทะกับคนฟีลิสเตียคน นั้นอย่างรวดเร็ว 49และดาวิดเอามือล้วงเข้าไปในย่ามหยิบหินก้อน หนึ่งออกมา   แล้วเหวี่ยงหินก้อนนั้นด้วยสายสลิงถูกคนฟีลิสเตียคนนั้น ที่หน้าผาก   ก้อนหินจมเข้าไปในหน้าผากเขาก็ล้มหน้าคว่ำลงที่ดิน
สรุป        เราสามารถเป็นคนหนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้ทำการใหญ่ได้ ทั้งเพื่อพระเจ้า เพื่อครอบครัว เพื่อสังคม และเพื่อประเทศชาติ  ไม่ว่าเราจะเป็นเด็ก อนุชน หรือผู้ใหญ่ก็ตาม  จงเริ่มสร้างคุณลักษณะชีวิตที่พร้อมสำหรับทำการใหญ่ตั้งแต่วันนี้ แล้วพระเจ้าจะให้เราทำการใหญ่ เหมือนที่พระเจ้าให้ดาวดทำอย่างแน่นอน