โครงร่างคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน 2020
หัวเรื่อง รักพระเจ้าอย่างไรไม่ให้พระเจ้าเสียเกียรติ
ข้อพระธรรม ฉธบ 6.5, มธ 22.37
Deut 6:5 พวกท่านจงรักพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจและสิ้นสุดกำลังของท่าน
Matt 22:37 พระเยซูทรงตอบเขาว่า “จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้า และด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า
คำนำ
ถ้าเรามองสังคมไทยเวลานี้
จะเห็นได้ว่ามีการแตกแยก และมีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงยิ่งขึ้น ด้านหนึ่งเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปสถาบันฯ
และถูกกล่าวหาว่าล้มเจ้า อีกด้านหนึ่งทำการปกป้องจนถูกเรียกว่าคลั่งเจ้า ดังปรากฏในข่าว
สวมเสื้อเหลือง ถือธงชาติ ถือรูป ร. 9 และ ร.10
แล้วรุมทำร้ายคนอื่นจึงเกิดคำถามต่างๆมากมาย
เมื่อตอนเป็นเด็กนักเรียน
มักจะถูกเพื่อล้อว่า “เชื่อพระเยซูกินหัวปลาทู” (สมัยนี้ปลาทูแพงมาก) แรกๆ ก็อดทน
ต่อมาก็เริ่มมีปากเสียง และจบลงด้วยการชกต่อยกัน แต่เดี๋ยวนี้โตแล้วรู้ว่าควรทำอะไรอย่างไรเมื่อมีความเห็นต่างทางความเชื่อ
คำถาม เราจะรักพระเจ้าอย่างโดยไม่ให้พระเจ้าเสียเกียรติ
1.
อย่ารักพระเจ้าแค่คำพูดแต่จงรักด้วยการกระทำ ( อสย 29.13, มธ 15.8, มก 7.6 )
Isa 29:13 และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เพราะชนชาตินี้เข้ามาใกล้ด้วยปากของเขา และให้เกียรติเราด้วยริมฝีปากของเขา แต่เขาให้จิตใจของเขาห่างไกลจากเรา เขายำเกรงเราเพียงแต่เหมือนเป็นบัญญัติของมนุษย์ที่ท่องจำกันมา
Matt 15:8 ประชาชนนี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของเขาห่างไกลจากเรา
Mark 7:6 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า
“อิสยาห์ได้พยากรณ์ถึงพวกเจ้าคนหน้าซื่อใจคด ก็ถูกตามที่ได้เขียนไว้ว่า ประชาชนนี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของเขาห่างไกลจากเรา
1.1.
อะไรคือรักพระเจ้าแค่คำพูด
( อสย 1.10-15 )
10 ดูก่อนท่านผู้ปกครองเมืองโสโดม จงฟังพระวจนะของพระเจ้าดูก่อนท่านประชาชนเมืองโกโมราห์จงเงี่ยหูฟังพระธรรมของพระเจ้าของเรา 11 พระเจ้าตรัสว่า“เครื่องบูชาอันมากมายของเจ้านั้นจะเป็นประโยชน์อะไรแก่เราเราเอือมแกะตัวผู้อันเป็นเครื่องเผาบูชาและไขมันของสัตว์ที่ขุนไว้นั้นแล้วเรามิได้ปีติยินดีในเลือดของวัวผู้ หรือลูกแกะหรือแพะผู้ 12 “เมื่อเจ้าเข้ามาเฝ้าเราผู้ใดขอให้เจ้าทำอย่างนี้ที่เหยียบย่ำเข้ามาในบริเวณพระนิเวศของเรา 13 อย่านำเครื่องถวายอนิจจังมาอีกเลยเครื่องบูชาอันเป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชังต่อเราวันเทศกาลข้างขึ้นและวันสะบาโตและการเรียกประชุมเราทนต่อความบาปชั่วและการประชุมตามพิธีไม่ได้อีก 14 ใจของเราเกลียดวันเทศกาลข้างขึ้นของเจ้าและวันเทศกาลตามกำหนดของเจ้ามันกลายเป็นภาระแก่เราเราแบกเหน็ดเหนื่อยเสียแล้ว
15 เมื่อเจ้ากางมือของเจ้าออกเราจะซ่อนหน้าของเราเสียจากเจ้า แม้ว่าเจ้าจะอธิษฐานมากมายเราจะไม่ฟังมือของเจ้าเปรอะไปด้วยโลหิต
1.1.1.
เบื้องหลังชนชาติอิสราเอล
1.1.2.
พระเยซูทรงตรัสถึงเรื่องนี้ด้วย
1.2.
อะไรคือรักพระเจ้าด้วยการกระทำ
( อสย 1.16-20 )
16 จงชำระตัว จงทำตัวให้สะอาดจงเอากรรมชั่วของเจ้าออกไปให้พ้นจากสายตาของเราจงเลิกกระทำชั่ว 17 จงฝึกกระทำดีจงแสวงหาความยุติธรรมจงบรรเทาผู้ถูกบีบบังคับจงป้องกันให้ลูกกำพร้าพ่อจงสู้ความเพื่อหญิงม่าย 18 พระเจ้าตรัสว่า“มาเถิด ให้เราสู้ความกันถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้มก็จะขาวอย่างหิมะถึงมันจะแดงอย่างผ้าแดงก็จะกลายเป็นอย่างขนแกะ 19 ถ้าเจ้าเต็มใจและเชื่อฟังเจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน 20 แต่ถ้าเจ้าปฏิเสธและกบฏเจ้าจะเป็นเหยื่อของคมดาบเพราะว่าพระโอษฐ์ของพระเจ้าได้ตรัสแล้ว”
2.
อย่ารักพระเจ้าแค่คำพูดแต่ให้คนที่รักพระเจ้ารักพี่น้องของตนด้วย ( 1 ยน 4.20-21 )
20 ถ้าผู้ใดว่า
“ข้าพเจ้ารักพระเจ้า”
และใจยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็เป็นคนพูดมุสา เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่แลเห็นแล้ว จะรักพระเจ้าที่ไม่เคยเห็นไม่ได้ 21 พระบัญญัตินี้เราทั้งหลายก็ได้มาจากพระองค์ คือว่าให้คนที่รักพระเจ้านั้นรักพี่น้องของตนด้วย
2.1.
สาเหตุให้คนที่รักพระเจ้ารักพี่น้องของตน
( 1 ยน 4.7,19 )
7 ท่านที่รักทั้งหลาย ขอให้เรารักซึ่งกันและกัน เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่รักก็บังเกิดมาจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า
19 เราทั้งหลายรัก ก็เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน
2.2.
จะรักพี่น้องของตนอย่างไร
( 1 ยน 3.15-18 )
15 ผู้ใดที่เกลียดชังพี่น้องของตนผู้นั้นก็เป็นผู้ฆ่าคน และท่านทั้งหลายก็รู้แล้วว่า ผู้ฆ่าคนนั้นไม่มีชีวิตนิรันดร์ดำรงอยู่ในเขาเลย 16 ดังนี้แหละเราจึงรู้จักความรัก โดยที่พระองค์ได้ทรงยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเราทั้งหลาย และเราทั้งหลายก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง 17 แต่ถ้าผู้ใดมีทรัพย์สมบัติในโลกนี้ และเห็นพี่น้องของตนขัดสนแล้วยังใจจืดใจดำไม่สงเคราะห์เขา ความรักของพระเจ้าจะดำรงอยู่ในผู้นั้นอย่างไรได้ 18 ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง
3.
อย่ารักพระเจ้าแค่คำพูดแต่จงรักพระเจ้าด้วยการรับใช้พระองค์
( ยน 21.15-19 )
3.1.
คำถามที่พระเยซูถามเปโตร “เจ้ารักเรามากกว่าสิ่งเหล่านี้หรือ”
3.2.
คำตอบของเปโตร “ข้าพระองค์รักพระองค์”
3.3.
คำท้าทายของพระเยซู “จงเลี้ยงดูลูกแกะของเราเถิด, จงตามเรามา”
15 เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเรามากกว่าเหล่านี้หรือ” เขาทูลพระองค์ว่า
“เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า “จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด” 16 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สองว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเราหรือ”
เขาทูลตอบพระองค์ว่า
“เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงดูแลแกะของเราเถิด” 17 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า
“ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเราหรือ” เปโตรก็เป็นทุกข์ใจที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า
“เจ้ารักเราหรือ”
เขาจึงทูลพระองค์ว่า
“พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่า ข้าพระองค์รักพระองค์”
พระเยซูตรัสกับเขาว่า
“จงเลี้ยงแกะของเราเถิด 18 เราบอกความจริงแก่เจ้าว่า เมื่อเจ้ายังหนุ่มเจ้าคาดเอวของเจ้าเอง และเดินไปไหนๆ ตามที่เจ้าปรารถนา แต่เมื่อเจ้าแก่แล้ว เจ้าจะเหยียดมือของเจ้าออก และคนอื่นจะคาดเอวเจ้า และพาเจ้าไปที่ที่เจ้าไม่ปรารถนาจะไป”
สรุป
ความรักเป็นนามธรรม
จับต้องไม่ได้แต่มีอยู่จริง ความรักพระเจ้าที่แท้จริงจะสำแดงออกมาในการดำเนินชีวิต
การรักพี่น้องและการรับใช้ตามน้ำพระของพระเจ้าสำหรับแต่ละคน
ตามของประทานที่พระวิญญาณทรงประทานให้