วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2564

เมื่อต้องเผชิญกับการทดลองความเชื่อ ข้อพระธรรม ปฐมกาล 22.1-19


 โครงเทศนาวันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2021

 เมื่อต้องเผชิญกับการทดลองความเชื่อ


ข้อพระธรรม
                     ปฐมกาล 22.1-19

หัวเรื่อง                               เมื่อต้องเผชิญกับการทดลองความเชื่อ

1 ต่อมาพระเจ้าทรงลองใจอับราฮัม และตรัสกับท่านว่าอับราฮัมท่านทูลว่า “​พระเจ้าข้า 2 พระองค์ตรัสว่าจงพาบุตรของเจ้าคืออิสอัค บุตรคนเดียวของเจ้าผู้ที่เจ้ารัก ไปยังแคว้นโมริยาห์ และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องเผาบูชา บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่เจ้า 3 อับราฮัมจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืด ผูกอานลาของท่านพาคนใช้หนุ่มไปกับท่านด้วยสองคนกับอิสอัคบุตรของท่าน ท่านตัดฟืนสำหรับเครื่องเผาบูชา เดินทางไปยังที่ซึ่งพระเจ้าทรงบอกแก่ท่าน 4 พอถึงวันที่สามอับราฮัมเงยหน้าขึ้นแลเห็นที่นั้นแต่ไกล 5 อับราฮัมจึงพูดกับคนใช้ของท่านว่าอยู่กับลาที่นี่เถิด เรากับลูกจะเดินไปที่โน้นนมัสการพระแล้วจะกลับมาพบเจ้า 6 อับราฮัมเอาฟืนสำหรับเครื่องเผาบูชาใส่บ่าอิสอัคบุตรชาย ถือไฟและมีดแล้วพ่อลูกไปด้วยกัน 7 อิสอัคพูดกับอับราฮัมบิดาว่าคุณพ่อและท่านตอบว่าลูกเอ๋ย มีอะไรรึลูกจึงว่านี่ไฟและฟืน แต่ลูกแกะสำหรับเครื่องเผาบูชาอยู่ที่ไหน 8 อับราฮัมตอบว่าลูกเอ๋ยพระเจ้าจะทรงจัดหาลูกแกะสำหรับพระองค์เองเป็นเครื่องเผาบูชาพ่อลูกทั้งสองก็เดินต่อไปด้วยกัน

 คำนำ                                 

บ่อยครั้งที่พระเจ้าทรงทดลองความเชื่อของบุคคลในพระคัมภีร์ และเช่นกันพระเจ้าก็ทรงทำการทดลองความเชื่อของคริสเตียนทุกยุคสมัยด้วย เราทุกคนอาจต้องเข้าสู่การทดลองความเชื่อ ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง แต่การทดลองความเชื่อนั้นก็เพื่อให้เราเป็นคนหนักแน่นมั่นคง เป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้การได้ และจะได้เป็นผู้เก็บเกี่ยวพระพรในที่สุด  ดังนั้น คริสเตียนควรมีท่าทีอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับการทดลองความเชื่อ ?

1.        ยอมรับและไว้วางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจ ข้อ 1-8

1.1.     ยอมรับในน้ำพระทัยพระเจ้าแม้ไม่เข้าใจ 1-3

จงพาบุตรของเจ้าคืออิสอัค บุตรคนเดียวของเจ้าผู้ที่เจ้ารัก ไปยังแคว้นโมริยาห์ และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องเผาบูชา บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่เจ้า3 อับราฮัมจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืด ผูกอานลาของท่านพาคนใช้หนุ่มไปกับท่านด้วยสองคนกับอิสอัคบุตรของท่าน ท่านตัดฟืนสำหรับเครื่องเผาบูชา เดินทางไปยังที่ซึ่งพระเจ้าทรงบอกแก่ท่าน

1.2.     วางใจและเชื่อว่าพระเจ้าไม่ทรงทอดทิ้ง  4-5

               4 พอถึงวันที่สามอับราฮัมเงยหน้าขึ้นแลเห็นที่นั้นแต่ไกล 5 อับราฮัมจึงพูดกับคนใช้ของท่านว่าอยู่กับลาที่นี่เถิด เรากับลูกจะเดินไปที่โน้นนมัสการพระแล้วจะกลับมาพบเจ้า

1.3.     มั่นใจว่าพระเจ้าต้องมีพระประสงค์ที่ดีเสมอ  6-8

7 อิสอัคพูดกับอับราฮัมบิดาว่าคุณพ่อและท่านตอบว่าลูกเอ๋ย มีอะไรรึลูกจึงว่านี่ไฟและฟืน แต่ลูกแกะสำหรับเครื่องเผาบูชาอยู่ที่ไหน 8 อับราฮัมตอบว่าลูกเอ๋ยพระเจ้าจะทรงจัดหาลูกแกะสำหรับพระองค์เองเป็นเครื่องเผาบูชาพ่อลูกทั้งสองก็เดินต่อไปด้วยกัน

สุภาษิต 3.5-6

2.        ยอมเชื่อฟังและทำตามพระวจนะของพระเจ้าด้วยสุดกำลัง ข้อ 9-14

2.1.     ยอมทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข แม้รู้ว่าจะเจ็บปวด  9-10

               9 เมื่อเขาทั้งสองมาถึงที่ซึ่งพระเจ้าตรัสบอกเขาไว้ อับราฮัมก็สร้างแท่นบูชาที่นั่น เรียงฟืนเป็นระเบียบ แล้วมัดอิสอัคบุตรชายวางไว้บนแท่นบูชาบนฟืน 10 แล้วอับราฮัมก็ยื่นมือจับมีดจะฆ่าบุตรชาย

2.2.     พระเจ้าทรงปกป้องผู้ที่ปฏิบัติตามพระคำของพระองค์ 11-12

               11 แต่ทูตของพระเจ้าเรียกเขาจากฟ้าสวรรค์ว่าอับราฮัม อับราฮัมและท่านตอบว่า “​พระเจ้าข้า 12 ทูตสวรรค์ว่าอย่าแตะต้องเด็กนั้นหรือกระทำอะไรเขาเลย เพราะบัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้ายำเกรงพระเจ้า ด้วยเห็นว่าเจ้ามิได้หวงบุตรชายของเจ้า แต่ยอมถวายบุตรชายคนเดียวของเจ้าให้เรา

2.2.1. ปกป้องอับราฮัมจากการทำผิด

2.2.2. ปกป้องอิสอัคจากการถูกสังหาร

2.3.  พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ปฏิบัติตามพระคำ   13-15

13 อับราฮัมเงยหน้าขึ้นมองดู เห็นข้างหลังท่านมีแกะผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติดอยู่ในพุ่มไม้ทึบ อับราฮัมก็ไปจับแกะตัวนั้นมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแทนบุตรชาย 14 อับราฮัมจึงเรียกสถานที่นั้นว่า เยโฮวาห์ยิเรห์อย่างที่เขาพูดกันทุกวันนี้ว่าจะจัดไว้บนภูเขาของพระเยโฮวาห์

3.         ยอมรับผลที่จะเกิดขึ้น 15 -19

3.1.     อับราฮัมเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า 15-16

               15 ทูตของพระเจ้าเรียกอับราฮัมครั้งที่สองมาจากฟ้าสวรรค์ว่า 16 “​พระเจ้าตรัสว่า เราปฏิญาณในนามของเราว่า เพราะเจ้ากระทำอย่างนี้และมิได้หวงบุตรชายของเจ้า คือบุตรชายคนเดียวของเจ้า

3.2.     อับราฮัมรับพระพรจากพระเจ้า 17

               17 เราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ประตูเมืองศัตรูของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์

3.3.     อับราฮัมแบ่งปันพระพรให้คนอื่น 18

18 ประชาชาติทั้งหลายทั่วโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า เหตุว่าเจ้าฟังเสียงของเรา

 

สรุปและนำไปใช้

ยากอบ 1.12   คนที่อดทนต่อการทดลองใจก็เป็นสุข เพราะเมื่อปรากฏว่าผู้นั้นทนได้แล้ว เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิต ซึ่งพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้แก่คนทั้งหลายที่รักพระองค์

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2564

จงเป็นสาวกอย่างที่พระเยซูคาดหวัง ข้อพระธรรม ลูกา 6.12-16

 

โครงร่างคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2021



 

หัวเรื่อง                        จงเป็นสาวกอย่างที่พระเยซูคาดหวัง

ข้อพระธรรม   ลูกา 6.12-16

คำนำ               เมื่อพระเยซูเรียกสาวก 12 คนจากพวกสาวกทั้งหมด แสดงว่าพระองค์มีพระประสงค์บางอย่างเฉพาะเจาะจง ทรงใช้เวลากับเข้าอย่างมาก พระองค์มีความคาดหวังต่อสาวกวก เพื่อเขาจะเป็นอย่าที่พระองค์ปารถณาจะให้เขาเป็น  แล้วพระองค์ทรงคาดวังให้เขาเป็นสาวกแบบไหน ....

1.        รักกันและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ยอห์น 13.34-35 , 17.11

1.1.   ความสำคัญ  

1.1.1.        “คนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา

1.1.2.        บัดนี้ข้าพระองค์จะไม่อยู่ในโลกนี้อีก แต่พวกเขายังอยู่ในโลกนี้

1.2.   หลักการ

1.2.1.        “เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น

1.2.2.        เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนดังข้าพระองค์กับพระองค์

34 เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น 35 ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา

John 17:11 บัดนี้ข้าพระองค์จะไม่อยู่ในโลกนี้อีก แต่พวกเขายังอยู่ในโลกนี้ และข้าพระองค์กำลังจะไปหาพระองค์ ข้าแต่พระบิดาผู้บริสุทธิ์ ขอพระองค์ทรงโปรดพิทักษ์รักษาบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ไว้โดยพระนามของพระองค์ เพื่อเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนดังข้าพระองค์กับพระองค์

2.        ถ่อมใจและรับใช้ซึ่งกันและกัน ยน 13.12-17

2.1.   ความสำคัญ  ถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระอาจารย์ของท่านได้ล้างเท้าของพวกท่าน .... เราได้วางแบบแก่ท่านแล้ว

2.2.   หลักการ  พวกท่านก็ควรจะล้างเท้าของกันและกันด้วย ... ทำเหมือนดังที่เราได้กระทำแก่ท่านด้วย

12 เมื่อพระองค์ทรงล้างเท้าเขาทั้งหลายแล้วพระองค์ก็ทรงฉลองพระองค์ และประทับลงตรัสกับเขาว่าท่านทั้งหลายเข้าใจ ในสิ่งที่เราได้กระทำแก่ท่านหรือ 13 ท่านทั้งหลายเรียกเราว่าพระอาจารย์และองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านเรียกถูกแล้ว เพราะเราเป็นเช่นนั้น 14 ฉะนั้นถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระอาจารย์ของท่านได้ล้างเท้าของพวกท่าน พวกท่านก็ควรจะล้างเท้าของกันและกันด้วย 15 เพราะว่าเราได้วางแบบแก่ท่านแล้ว เพื่อให้ท่านทำเหมือนดังที่เราได้กระทำแก่ท่านด้วย 16 เราบอกความจริงแก่ท่านว่า บ่าวจะเป็นใหญ่กว่านายก็ไม่ได้ และทูตจะเป็นใหญ่กว่าผู้ที่ใช้เขาไปก็หามิได้ 17 เมื่อท่านรู้ดังนี้แล้วและท่านประพฤติตาม ท่านก็เป็นสุข

3.        ติดสนิทกับพระองค์เพื่อมีชีวิตที่เกิดผล  ยน 15.4-8

3.1.   ความสำคัญ

3.1.1.        พระเยซูเป็นเถาและเราเป็นแขนงซึ่งจะออกผลเองไม่ได้

3.1.2.        ทูลขอสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น

3.1.3.        พระบิดาได้รับเกียรติเเมื่อเราเกิดผล

3.2.   หลักการ

3.2.1.        ติดสนิทกับพระเยซูคริสต์

3.2.2.        ให้ถ้อยคำของพระคริสต์ฝังอยู่ในรา

4 จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น 5 เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย 6 ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกก็เอาไปเผาไฟ 7 ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น 8 พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก ท่านก็เป็นสาวกของเรา

 

สรุป    

เราทุกคนที่เชื่อและบังเกิดใหม่แล้ว ล้วนแต่เป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ ทั้งชีวิตนี้จะติดตามพระองค์เพียงผู้เดียว และเราจะเป็นสาวกอย่างที่พระองค์คาดหวังให้เราเป็น คือรักและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ถ่อมใจและรับใช้ซึ่งกันและกัน ติดสนิทกับพระคริสต์เพื่อมีชีวิตที่เกิดผล