วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2567

โครงร่างคำเทศนา วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2024 หัวเรื่อง คริสต์มาส – หนทางแห่งการพ้นทุกข์

โครงร่างคำเทศนา วันอาทิตย์ที่  8 ธันวาคม 2024



หัวเรื่อง               คริสต์มาส – หนทางแห่งการพ้นทุกข์

พระธรรม            ยน 3.16, ยน 14.6

คำนำ    

เมื่อเริ่มเข้าสู่เดือนธันวาคม บรรยากาศของวันคริสต์มาสก็เริ่มต้น วันคริสต์มาสเป็นวันที่มีความหมายต่อชาวโลก เพราะนี่คือ ความรักของพระเจ้า ที่มีต่อมวลมนุษย์  ดังที่พระวจนะของพระเจ้า ตรัสว่า “ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประธานพระบุตร องค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคน ที่วางใจในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”

1.         อะไรคือหนทางแห่งการพ้นทุกข์

1.1.     หนทาง หมายถึงวิธีที่จะนำไปสู่การพ้นทุกข์

1.2.     ทุกข์ หมายถึง .....

1.2.1.  ความทุกข์กาย  คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย

1.2.2.  ทุกข์ใจ คือ ภาระปัญหา ความเครียด ความกดดัน เป็นต้น ทำให้ไม่สบายใจ

1.2.3.  และทุกข์วิญญาณ คือ การชดใช้เวรกรรมเมื่อตายจากโลกนี้ไป (หลายมุมมองศาสนา)

2.         หนทางแห่งการพ้นทุกข์แบบโลก

2.1.     เอาทุกอย่าง ทำทุกอย่างที่เขาว่าดี (ไม่มีทิศทาง เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร)

สภษ 16.25   

2.2.     เอาตนเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง (คือการปฏิเสธพระเจ้าและทุกศาสนา)

2 ปต 3.3-4  เมื่อตายทุกอย่างก็จบสิ้น ไม่มีชีวิตหลังความตาย ไม่มีนรกสวรรค์

2.3.     ประพฤติตามหลักธรรมของศานาอย่างเคร่งครัด (เช่นการรักษาธรรมบัญญัติ)

โรม 3.19-20

3.         พระเยซูทรงเป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์ (จิตวิญญาณ)  ยน 14.6  วิธีการคือ

3.1.      ตายแทนเรา ชดใช้บาปแทนเรา   รม 5.8

3.2.     ให้ฟรีๆ โดยไม่คิดมูลค่า  อฟ 2.8-9

3.3.     ให้หลักประกันโดยการเป็นขึ้นมาจากความตาย (พูดก่อน ลก 24.46  เป็นจริงดังพูด 1 คร 15.4)

สรุปและเชิญชวน

“ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตร องค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคน ที่วางใจ ในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”  พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา


โครงร่างคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2024 หัวเรื่อง จงระวังคำพูดที่มาจากมาร

 

โครงร่างคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2024

 


หัวเรื่อง                จงระวังคำพูดที่มาจากมาร

พระธรรม            2 ทิโมธี 2.16-17

16 จงหลีกเลี่ยงคำพูดที่ไร้คุณธรรมและโง่เขลาเพราะคำพูดอย่างนั้นจะนำคนไปสู่ความอธรรมมากยิ่งขึ้น 17 และคำพูดของพวกเขาจะแพร่ออกไปเหมือนแผลเนื้อร้ายคนพวกนั้นมีฮีเมเนอัสกับฟีเลทัสรวมอยู่ด้วย

คำนำ

ทุกวันนี้มีคำพูดมากมายที่สวนทางกับถ้อยคำของพระเจ้าอาจดูมีเหตุผลตามหลักการของโลก  ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นเหมือนแผลเนื้อร้ายที่นำไปสู่ความอธรรมนสายพระเนตรของพระเจ้าซึ่งคริสเตียนต้องระมัดระวัง  พราะคำพูดเหล่านั้นมาจากมาร

 

1.         ความหมายคำพูดที่มาจากมาร

1.1.     เป็นคำพูดที่ทำให้เกิดความสงสัยพระเจ้า ปฐก  3.1-5

1 ในบรรดาสัตว์ป่าทั้งหมดที่พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงสร้างนั้นงูฉลาดกว่าหมดมันถามหญิงนั้นว่าจริงหรือ?ที่พระเจ้าตรัสว่าห้ามพวกเจ้ากินผลจากต้นไม้ทุกต้นในสวนนี้’ ”เจ้าจะไม่ตายหรอก

 

1.2.     เป็นคำพูดที่สร้างความแตกแยก 2 โครินธ์ 11.3-4

3 แต่ข้าพเจ้ากลัวว่างูนั้นล่อลวงนางเอวาด้วยอุบายของมันอย่างไรความคิดของท่านทั้งหลายก็จะถูกทำให้หลงไปจากความซื่อและความบริสุทธิ์ต่อพระคริสต์อย่างนั้น 4 เพราะว่าถ้าใครมาเทศนาถึงพระเยซูอีกองค์หนึ่งซึ่งไม่ใช่องค์ที่เราเคยเทศนานั้นหรือถ้าพวกท่านรับพระวิญญาณซึ่งแตกต่างจากที่ท่านเคยรับนั้นหรือรับข่าวประเสริฐซึ่งแตกต่างกับที่พวกท่านเคยรับไว้แล้วท่านทั้งหลายก็ช่างอดกลั้นดีจริงๆ

 

1.3.     เป็นความคิดทัศนคติหรือค่านิยมของโลก 1 โครินธ์ 3.18-19

18 อย่าให้ใครหลอกลวงตัวเองถ้าใครในพวกท่านคิดว่าตัวเป็นคนมีปัญญาตามหลักของยุคนี้จงให้คนนั้นยอมเป็นคนโง่เพื่อจะได้เป็นคนมีปัญญา 19 เพราะว่าปัญญาของโลกนี้เป็นความโง่ในสายพระเนตรของพระเจ้าเพราะมีเขียนไว้ว่าพระองค์ทรงจับคนมีปัญญาด้วยอุบายของพวกเขาเอง” 

 

2.         อันตรายจากคำพูดที่มาจากมาร

2.1.     ทำให้ล้มลงในความบาป ปฐมกาลบทที่ 3

อาดัมกับเอวาล้มลงในความบาป   ทำผิดพลาดต่อพระเจ้า ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ปฎิเสธพระเจ้า

 

2.2.     ทำให้หลงไปจากความจริง  2 ทิโมธี 2.16-19

16 จงหลีกเลี่ยงคำพูดที่ไร้คุณธรรมและโง่เขลาเพราะคำพูดอย่างนั้นจะนำคนไปสู่ความอธรรมมากยิ่งขึ้น 17 และคำพูดของพวกเขาจะแพร่ออกไปเหมือนแผลเนื้อร้ายคนพวกนั้นมีฮีเมเนอัสกับฟีเลทัสรวมอยู่ด้วย 18 ทั้งสองคนนั้นหลงไปจากความจริงโดยกล่าวว่าการเป็นขึ้นจากตายนั้นผ่านไปแล้วเขากำลังทำให้ความเชื่อของบางคนไขว้เขวไป

 

2.3.     ทำให้ถึงการปฏิเสธพระเจ้า  1 ทิโมธี 4.1-2

1 พระวิญญาณตรัสอย่างชัดแจ้งว่าต่อไปภายหน้าจะมีบางคนละทิ้งความเชื่อโดยหันไปเชื่อฟังวิญญาณทั้งหลายที่ล่อลวงและคำสอนของพวกผี 2 ซึ่งมาจากความหน้าซื่อใจคดของพวกที่ชอบโกหกคือคนทั้งหลายที่มีมโนธรรมตายด้าน

 

3.         จะระมัดระวังคำพูดที่มาจากมารอย่างไร

 

3.1.     ชัดเจนในพระเจ้าที่เราเชื่อ 2 ทิโมธี 1.12

12 เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงต้องทนทุกข์ลำบากเช่นนี้แต่ข้าพเจ้าก็ไม่อับอายเพราะว่าข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ที่ข้าพเจ้าเชื่อและข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าพระองค์ทรงสามารถรักษาสิ่งที่พระองค์ทรงมอบไว้กับข้าพเจ้าจนถึงวันพิพากษาได้

 

3.2.     รู้จักพระวจนะของพระเจ้าอย่างชัดเจน มัทธิว 4.1-11

พระเยซูชนะคำพูดของมารซาตานด้วยพระวจนะของพระเจ้า

 

3.3.     รู้จักกลอุบายของมารและรู้ว่าจะเอาชนะมันได้อย่างไร 2 โครินธิ์ 2.11   เอเฟซัส 6.11

11 เพื่อไม่ให้ซาตานได้เปรียบเราเพราะเรารู้กลอุบายของมันแล้ว

11 จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อจะสามารถต่อสู้กับอุบายของมารได้

 

สรุปข้อคิดและหนุนใจ

จงหลีกเลี่ยงที่จะฟังคำพูดที่มาจากมารทัศนคติความคิดและค่านิยมของโลก  จงสนใจฟังคำพูดที่มาจากพระวจนะของพระเจ้า และคำพูดที่มาจากคนของพระเจ้าให้มากขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2567

วันลบบาป “ยมคิปปูร์” เลวีนิติ 16.1-34, พระธรรมฮีบรู 9.1-14, 23-28, 10.1-4, 11-18

 

โครงร่างคำเทศนา วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2024



หัวเรื่อง                วันลบบาป “ยมคิปปูร์”

คำนำ                   

ในช่วงเดือนตุลาคมมีวันสำคัญในพระคัมภีร์อยู่สองอย่าง คือวันลบบาป และเทศกาลอยู่เพิง ในพระคัมภีร์บอกว่าวันลบบาปจะมีขึ้นในวันที่สิบเดือนเจ็ดของทุกๆ ปี ในปีนี้วันลบบาปตรงกับวันที่สิบเอ็ดเดือนตุลาคม ปัจจุบันชาวยิวเรียกว่า “ยมคิปปูร์” วันนี้เราจะมาใคร่ครวญพระคัมภีร์ด้วยกัน

พระธรรม            เลวีนิติ  16.1-34, พระธรรมฮีบรู  9.1-14, 23-28, 10.1-4, 11-18

9 ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรแก่เจ้าทั้งหลายว่าในวันที่สิบเดือนที่เจ็ด พวกเจ้าต้องปฏิเสธความปารถนาของตนเอง และต้องไม่ทำการงานใดๆ ทั้งตัวชาวเมืองเองหรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า 30 เพราะว่าในวันนี้จะเป็นวันลบมลทินของพวกเจ้า และชำระพวกเจ้าให้พ้นจากความบาปทั้งสิ้นของพวกเจ้า พวกเจ้าจึงสะอาดเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 31 เป็นวันสะบาโตให้เจ้าทั้งหลายหยุดพักสงบ พวกเจ้าต้องปฏิเสธความปรารถนาของพวกเจ้า ทั้งนี้ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวร 32 ให้ปุโรหิตผู้ถูกเจิม และรับการสถาปนาเป็นปุโรหิตแทนบิดาของตนทำการลบมลทิน ให้เขาสวมเสื้อผ้าป่านคือเสื้อตำแหน่งบริสุทธิ์ 33 ให้เขาลบมลทินแก่อภิสุทธิสถาน ให้เขาลบมลทินให้แก่เต็นท์นัดพบ และให้แก่แท่นบูชา ให้เขาลบมลทินให้แก่ปุโรหิตทั้งหลายและประชาชนทั้งหมดของชุมนุมชนนั้น 34 ทั้งนี้ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรแก่เจ้าทั้งหลาย ให้ทำการลบมลทินเพื่อคนอิสราเอลปีละครั้ง เพราะบาปทั้งสิ้นของเขาโมเสสก็ทำตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาท่านไว้

1.         ความหมายและความสำคัญของวันลบบาป “ยมคิปปูร์”

1.1.     เป็นข้อกำหนดให้อิสราเอลทำปีละ 1 ครั้ง (วันที่ 10 เดือน 7)  ข้อ 29

1.2.     เพื่อไถ่โทษบาปของปุโรหิต และของประชาชน  1-5

1.3.     เพื่อให้อิสราเอลถ่อมใจและบังคับตนและรับพระกรุณาคุณของพระเจ้า  29-31

2.         หลักการและวิธีการของวันลบบาป

2.1.     มหาปุโรหิตจะใช้วัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของตนเอง นำเลือดวัวปะพรมที่หน้าหีบพันธสัญญาและบนพระที่นั่งกรุณา 11-14

2.2.     มหาปุโรหิตจะใช้ลูกแกะตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของประชาชน นำเลือดแกะปะพรมที่หน้าหีบพันธสัญญาและพระที่นั่งกรุณา 15-19

2.3.     มหาปุโรหิตจะใช้แกะอีกตัวหนึ่งที่มีชีวิตวางมือบนหัวแกะ แล้วสารภาปบาปของประชาชนทุกอย่าง แล้วให้เอาแกะไปปล่อยทิ้งในป่า 20-22

3.          การลบมลทินบาปที่แท้จริง  พระธรรมฮีบรู  9.1-14, 23-28, 10.1-4, 11-18

3.1.        พระเยซูคริสต์ทรงเป็นมหาปุโรหิตแห่งสิ่งประเสริฐ เป็นนิตย์  ฮบ 9.11, 7.24-25

11 แต่เมื่อพระคริสต์เสด็จมาในฐานะมหาปุโรหิตแห่งบรรดาสิ่งประเสริฐซึ่งมาถึงแล้ว พระองค์ก็เสด็จเข้าไปสู่พลับพลาที่ใหญ่และสมบูรณ์ยิ่งกว่าแต่ก่อน (ที่ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ คือไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างของโลกนี้)

ฮบ 7. 24-25   แต่พระเยซูองค์นี้ทรงดำรงตำแหน่งปุโรหิตตลอดกาล เพราะพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ชั่วนิรันดร์ 25 เพราะเหตุนี้ พระองค์จึงทรงสามารถช่วยคนทั้งหลายที่เข้ามาใกล้พระเจ้าโดยทางพระองค์นั้นอย่างเต็มที่ เพราะว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ทุกเวลา เพื่อทูลขอเผื่อคนเหล่านั้น

3.2.        พระเยซูคริสต์ทรงถวายพระองค์เอง  เป็นเครื่องบูชาลบบาปชั่วนิรันดร์  9.12-14

12 พระองค์เสด็จเข้าไปในวิสุทธิสถานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์ 13 เพราะว่าถ้าเลือดแพะและเลือดวัวตัวผู้ และเถ้าของลูกโคตัวเมีย ที่ประพรมลงบนคนบาปสามารถชำระมนุษย์ให้บริสุทธิ์ได้ 14 พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ผู้ได้ทรงถวายพระองค์เองแด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ให้เป็นเครื่องบูชาอันปราศจากตำหนิก็จะทรงชำระได้มากยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด เพื่อให้จิตใจของคนที่หมกมุ่นในการประพฤติที่นำไปสู่ความตาย หันไปรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่

3.3.        พระเยซูคริสต์ทรงกำจัดบาปทั้งสิ้นเพียงครั้งเดียวและสมบูรณ์นิรันดร์ 23-28, 10.10-14

23 เหตุฉะนั้นจึงจำเป็นต้องชำระล้างแบบจำลองของสวรรค์ โดยใช้เครื่องบูชาอย่างนี้ แต่ว่าของจริงจากสวรรค์นั้น ต้องชำระให้บริสุทธิ์ด้วยเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าเครื่องบูชาเหล่านั้น 24 เพราะว่าพระคริสต์ไม่ได้เสด็จเข้าในสถานศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ อันเป็นแบบจำลองจากของจริง แต่พระองค์ได้เสด็จไปสวรรค์นั้น เพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้าเพื่อเราทั้งหลาย 25 พระองค์ไม่ต้องทรงถวายพระองค์เองซ้ำอีก ไม่เหมือนมหาปุโรหิตที่เข้าไปในวิสุทธิสถานทุกปี และนำเอาเลือดซึ่งไม่ใช่โลหิตของตัวเองเข้าไปด้วย 26 เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นพระองค์คงจะต้องทรงทนทุกข์ทรมานหลายครั้ง นับตั้งแต่สร้างโลกมา แต่ความจริงพระองค์ทรงปรากฏเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในปลายยุค เพื่อกำจัดบาปให้หมดสิ้นไป โดยการถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา 27 มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด 28 พระคริสต์ก็ฉันนั้น คือพระองค์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาครั้งเดียว เพื่อจะได้ทรงแบกบาปของคนเป็นอันมากไว้พระองค์จะทรงปรากฏเป็นครั้งที่สอง มิใช่เพื่อกำจัดบาป แต่เพื่อช่วยบรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์ด้วยใจจดจ่อให้ได้รับความรอด

10 และโดยน้ำพระทัยนั้นเองที่เราทั้งหลายได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ โดยการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

 11 ฝ่ายปุโรหิตทุกคนก็ยืนปฏิบัติกิจอยู่ทุกวัน โดยการนำเครื่องบูชาอย่างเดียวกันมาถวายเนืองๆ เครื่องบูชานั้นจะลบล้างบาปไม่ได้เลย 12 แต่เมื่อพระคริสต์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องสัตวบูชาเพราะบาปเพียงครั้งเดียว เป็นเครื่องบูชาที่ลบบาปได้ตลอดไป พระองค์ก็เสด็จประทับเบื้องขวาของพระเจ้า  13 เพื่อทรงคอยอยู่จนกระทั่งศัตรูของพระองค์ถูกนำมาเป็นแท่นรองพระบาทของพระองค์  14 โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียวพระองค์ก็ได้ทรงกระทำให้คนทั้งหลายที่ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นถึงความสมบูรณ์เป็นนิตย์

การตอบสนอง

หลังจากการถวายเครื่องบูชาลบบาปของตนเอง และสำหรับประชาชนแล้ว  มหาปุโรหิตจะต้องทำพิธีชำระและการถวายตนเองอีกครั้ง  

สำหรับเราทั้งหลายที่เชื่อ  เราได้รับพระคุณอันใหญ่หลวงจากพระเยซูคริสต์ เพื่อหลุดพ้นบาป ได้กลับคืนดีกับพระเจ้า ได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว  และเรากำลังรอคอยพระองค์เสด็จมาเพื่อรับเราไปอยู่กับพระองค์ในสวรรค์   สิ่งที่เราควรทำในปัจจุบันนี้คือ ถวายตัวของเราเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอยู่ (รม 12.1)  ช่วยคนที่ยังไม่เชื่อให้เขาได้รับพระคุณเหมืออย่างเรา  นั่นคือการประกาศข่าวประเสริฐนั่นเอง