พระธรรม กิจการ 17:22-31
หัวเรื่อง พระเจ้าที่เราเชื่อเป็นผู้ใด
คำนำ จากเป้าหมายของคริสตจักรในปี 2016 ซึ่งผู้นำได้แจ้งแก่เราสัปดาห์ที่ผ่านมา “รู้จักผู้ที่เราเชื่อ ประกาศผู้ที่เราเชื่อ ดำเนินชีวิตตามที่เราเชื่อ”
ดังนั้นวันนี้เรามาใคร่ครวญด้วยกันว่า พระเจ้าที่เราเชื่อเป็นผู้ใด ... จากพระธรรม
กิจการ 17:22-31
บทนำ
เมื่อเปาโลไปกรุงเอเธนส์
ท่านได้พบแท่นที่เขียนไว้ว่า แด่พระเจ้าที่ไม่รู้จัก ท่านจึงใช้เรื่องนี้ในการประกาศให้ชาวเอเธนส์ได้รู้จักพรเจ้าที่แท้จริง
แม้ชาวเอเธนส์จะนมัสการพระเจ้ามากมายก็ตาม
แต่เขายังเชื่อว่ายังมีพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแต่พวกเขาไม่รู้ว่า พระเจ้าองค์นั้นเป็นผู้ใด แล้วเราละสามารถบอกได้หรือไม่ว่า
พระเจ้าที่เราเชื่อนี้เป็นผู้ใด
พระวจนะของพระเจ้าในตอนนี้ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนดังนี้ว่า ...
1.
เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์ โลก
และสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้น (24)
“พระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกกับสิ่งทั้งปวงที่มีอยู่ในนั้น”
1.1. พระคริสตธรรมคัมภีร์ย้ำตลอดว่า
พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และโลกและสรรพสิ่งทั้งปวง
1.2. ขณะที่วิทยาศาสตร์บอกว่า
เกิดบิ๊กแบงครั้งใหญ่ แล้วเป็นกระบวนการวิวัฒน์นาการ
1.3. ตัวอย่างต่างที่มาจากการสร้าขอมนุษย์
เช่น .........................ไม่ใช่วิวัฒนาการ
1.4. ตัวอย่างจากสงครามโลก
สิ่งที่เกิดขึ้นคือความเสียหาย ไม่ใช่สิ่งที่เป็นระบบระเบียบ
2. เป็นผู้ครอบครองสวรรค์และโลก
(24ข)
“พระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก”
2.1.
พระบุตรทรงเป็นแสงสะท้อนพระสิริของพระเจ้า
และทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระองค์ และทรงผดุงโลกไว้ด้วยพระดำรัสอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ เมื่อพระองค์ได้ทรงชำระบาปแล้ว ก็ได้ประทับ
ณ เบื้องขวาของพระเจ้าเบื้องบน ฮบ
1.3
2.2.
พระเจ้าทรงครอบครอง พระองค์ทรงสวมความยิ่งใหญ่ พระเจ้าทรงสวมฉลองพระองค์พระองค์
ทรงเอาพระกำลังคาดพระองค์
โลกได้สถาปนาไว้แล้ว
มันจะไม่หวั่นไหว สดุดี 93:1
2.3.
ดังนั้นจักรวาลจึงอยู่อย่างเป็นระบบมาจนถึงทุกวันนี้
เพราะพระเจ้าทรงครอบครองอยู่ แม้เราจะได้ยินว่าดาวตก อุกาบาตร นั่นเป็นเพราะว่าสรรพสิ่งที่สร้างมีอายุของมัน
เช่นดวงอาทิตย์ นักวิทยาศาสตร์บอกว่ามีอายุประมาณ 10,000 ล้านปี
ผ่านไปแล้วครึ่งหนึ่งเหลืออีกครึ่ง ดวงอาทิตย์จะดับแสง
จะกลายเป็นดาวเคราะห์ธรรมดาเท่านั้น วว 21.1
3. เป็นผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีขีดจำกัด
(24 ค)
“มิได้ทรงสถิตในปูชนียสถานซึ่งมือมนุษย์ได้กระทำไว้”
3.1. พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ
ยน4.23-24 ทรงสถิตทุกหนแห่ง ทรงสัพพัญญู ไม่ถูกจำกัดด้วยสถานที่และเวลา
3.2. พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ด้วยพระอค์เอง (อยพ 3:14)
3.3. ตัวอย่างเมื่อซาโลมอนสร้างพระวิหาร 1พกษ 8.27
4. เป็นผู้มีชีวิตและเป็นแหล่งแห่งชีวิต
(25 ก) (อยพ 3:14)
“เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานชีวิตและลมหายใจ”
4.1. ชีวิตย่อมเกิดมาจากชีวิต
ลมหายใจ แปลได้อีกอย่างคือวิญญาณ หรือพระวิญญาณ
4.2. นักชีววิทยากล่าว่า
ชีวิตเกิดมาจากเซลล์ และวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ (ไม่มีวิญญาณ)
และทำไมคนกลัวผี? 555
4.3. พระคัมภีร์กล่าวว่า
พระเจ้าเป็นแหล่งกำเนิดของทุกๆ ชีวิต ยน
1.4
5. เป็นผู้ประทานปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
(25 ข)
“และสิ่งสารพัดแก่คนทั้งปวงต่างหาก”
5.1. พระองค์มิจำต้องให้มือมนุษย์มาปรนนิบัติ ดังว่ามีความต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด
5.2. พระที่เรียกร้องจากมนุษย์ไม่ใช่พระเจ้า
5.3. ตัวอย่าง
ต้องทอย่างนั้น อย่างนี้แล้วชีวิตจะดี ปลอดภัย แต่ถ้าไม่ทำจะมีอันเป็นไป
6. เป็นผู้สร้างมนุษย์ให้สืบสายโลหิตเดียวกัน
(26)
“พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ทุกชาติ
สืบสายโลหิตอันเดียวกันให้อยู่ทั่วพิภพโลก และได้ทรงกำหนดเวลาและเขตแดนให้เขาอยู่ 27เพื่อเขาจะได้แสวงหาพระเจ้าและมุ่งหวังจะคลำหาให้พบพระองค์”
6.1. หลักฐานจากพระคัมภีร์ที่แสดงว่ามนุษย์ทุกชาติมาจากบุคคลเดียวกัน
คือ ปฐก 1, 11
6.2. หลักฐานทาง
DNA ยืนยันว่าผู้ชายทั่วโลกสืบมาจากชายคนเดียว ผู้หญิงทุกคนทั่วโลกสืบมาจากหญิงคนเดียว และยืนยันได้ว่าผู้หญิงเกิดมาจากผู้ชาย
6.3. ตัวอย่างคนโบราณแต่งานแล้วอยากได้ลูกชาย
แต่ได้ลูกสาวก็โทษภรรยา จึงหาภรรยาน้อย
7. เป็นผู้ที่สถิตอยู่กับเรา/ท่ามกลางเรา
(27)
“ที่จริงพระองค์มิทรงอยู่ห่างไกลจากเราทุกคนเลย”
7.1. พระนามขอพระเจ้า
“อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าทรอยู่กับเรา
7.2. วิธีการคือ
มุมก้างคือ พระเจ้าทรงอยู่ท่ามกลาเราเคลื่อนไหวท่ามกลางเรา มุมแคบคือ
พระเจ้าทรงประทับในชีวิตของเราโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเรากลับใจเชื่อจริงๆ
1 คร 6.19
7.3. ดังนั้น คริสเตียนไม่กราบไหว้รูปเคารพ
เพราะพระเจ้าองค์นี้อยู่ในชีวิตของเรา เราสามัคคีธรรมกับพระองค์โดยการ นมัสการ
อธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์
8. เป็นผู้ที่กอปรด้วยความรักและเมตตา
(30)
“ในเวลาเมื่อมนุษย์ยังไร้เดียงสา พระเจ้ามิได้ทรงถือโทษ”
8.1. พระเจ้าทรงรักมนุษย์จนถึงที่สุด
เพราะพระเจ้าเป็นความรัก
8.2. แม้มนุษย์จะทำบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า โรม 3.23
8.3. แต่พระองค์ให้โอกาสมนุษย์เสมอที่จะกลับมาหาพระองค์และรับการอภัยโทษ
9. เป็นผู้ช่วยกู้โลกให้รอด
(31)
“พระเจ้าได้ตรัสสั่งแก่มนุษย์ทั้งปวงทั่วทุกแห่งให้กลับใจใหม่ 31เพราะพระองค์ได้ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้
ในวันนั้นพระองค์จะทรงพิพากษาโลกตามความชอบธรรม
โดยมนุษย์ผู้นั้นซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกไว้ และพระเจ้าได้ทรงโปรดให้คนทั้งปวงมีความแน่ใจในเรื่องนี้ โดยทรงให้มนุษย์ผู้นั้นคืนชีวิต”
9.1. ทรงจัดเตรียมแผนการแห่งความรอดไว้ก่อนที่จะทรงสร้างโลก
อฟ 1.4-6
9.2. ทรงให้พระเยซูคริสต์มาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อตายไถ่บาป
รม 5.8
9.3. ผู้ที่เชื่อในพระบุตรของพระเจ้าจะมีชีวิตนิรันดร์ ยน 3.16-17
10. เป็นผู้พิพากษาโลกในวาระสุดท้าย
(31)
31เพราะพระองค์ได้ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้ ในวันนั้นพระองค์จะทรงพิพากษาโลกตามความชอบธรรม”
10.1.
ในวาระสดุดท้ายของโลก จะมีการพิพากษา ฮีบรู 9:27: มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด
10.2.
หลักของการพิพากษาคือ ยน 3.18-19
สรูป
พระเจ้าที่เราเชื่อ
จึงไม่ใช่ ทอง เงิน หิน หรืออื่นๆ
อันเป็นปฏิมากรสำเร็จด้วยศิลปะและความคิดของมนุษย์ พระเจ้าที่เราเชื่อไม่ได้สถิตในปูชนียสถานที่มนุษย์สร้างไว้
พระองค์ไม่ได้ต้องการให้มือของมนุษย์มาปรนนิบัติ พระองค์ไม่ได้ต้องการสิ่งใด
เพราะพระองค์เป็นผู้ที่ประทานสิ่งสารพัดแก่เราต่างหาก
ดังนั้น จงแสวงหาให้พบพระเจ้าองค์นี้
และประกาศถึงพระเจ้าที่เราเชื่อนี้ให้คนมากมายได้ฟัง
และจงดำเนินชีวิตในน้ำพระทัยของพระองค์
สำหรับผู้ที่ยังไม่เชื่อ พระองค์ตรัสว่า.... จงกลับใจเสียใหม่ ....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น