วันจันทร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2561

“เครื่องมือวัดการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์” 1 โครินธ์ 13:10-11, ฟป 3:15-16

โครงเรื่องคำเทศนา วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2018
หัวข้อ               “เครื่องมือวัดการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์”
พระธรรม         1 โครินธ์  13:10-11,  ฟป 3:15-16
10แต่เมื่อความสมบูรณ์มาถึงแล้ว   ความบกพร่องนั้นก็จะสูญไป 11เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก   ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก   คิดอย่างเด็ก   ใคร่ครวญหาเหตุผลอย่างเด็ก   แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่   ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย 12เพราะว่าบัดนี้เราเห็นสลัวๆเหมือนดูในกระจก   แต่เวลานั้นจะได้เห็นพระพักตร์ชัดเจน   เดี๋ยวนี้ความรู้ของข้าพเจ้าไม่สมบูรณ์   เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า
15เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงคิดอย่างนั้น   และถ้าท่านคิดอย่างอื่น   พระเจ้าก็จะทรงโปรดให้เรื่องนั้นประจักษ์แก่ท่านด้วย 16แต่เราได้แค่ไหนแล้ว   ก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป  
คำนำ            เป้าหมายคริสตจักรปี 2018 - 2020  “เจริญเติบโตสู่ความไพบูลย์ เพิ่มพูนคริสตจักร”
คำว่าเครื่องวัด โดยทั่วไปหมายถึงอุปกรณ์ที่ใช้วัดสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น ตลับเมตรใช้วัดความยาว ตราชั่งใช้วัดน้ำหนัก ปรอทใช้วัดอุณหภูมิ เป็นต้น เครื่องมือวัดการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ ก็หมายถึง พฤติการณ์บางประการในชีวิตคริสเตียน ที่บ่งบอกได้ว่าคริสเตียนคนนั้นได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ตามลำดับ โดยเราจะมาใคร่ครวญเครื่องมือวัดบางประการดังต่อไปนี้ ....
1.      การกินอาหารฝ่ายวิญญาณ  (ฮบ  5:12-14)
12ถึงแม้ว่าขณะนี้ท่านทั้งหลายควรจะเป็นครูได้แล้ว   แต่ท่านก็ต้องให้คนอื่นสอนท่านอีก   ในเรื่องหลักธรรมเบื้องต้นแห่งพระวจนะของพระเจ้า   ท่านทั้งหลายต้องกินน้ำนมไม่ใช่อาหารแข็ง 13เพราะว่าทุกคนที่ยังกินน้ำนมนั้น   ยังไม่เข้าใจในเรื่องความชอบธรรม   เพราะเขายังเป็นผู้เยาว์ 14อาหารแข็งเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่   สำหรับผู้ที่ได้รับการฝึกหัดอบรมให้สามารถรู้จักผิดชอบชั่วดีแล้ว
“ทุกคนที่ยังกินน้ำนมนั้น   ยังไม่เข้าใจในเรื่องความชอบธรรม   เพราะเขายังเป็นผู้เยาว์ อาหารแข็งเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่” คริสเตียนที่เติบโตฝ่ายวิญญาณจะสามารถเรียนรู้และ เข้าใจพระวจนะของพระเจ้าได้ได้อย่างลึกซึ้ง แต่เด็กฝ่ายวิญญาณยังต้องเรียนหลักความเชื่อเบื้องต้นอยู่ตอลอดเวลา
2.      ความชัดเจนในหลักความเชื่อและสัจธรรมที่ถูกต้อง  (อฟ 4:14, 1 คร 2:10-14)
14เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป   ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง   และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง
10พระเจ้าได้ทรงสำแดงสิ่งเหล่านั้นแก่เราทางพระวิญญาณ   เพราะว่าพระวิญญาณทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้เป็นความล้ำลึกของพระเจ้า 11อันความคิดของมนุษย์นั้น   ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้   เว้นแต่จิตวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้นเองฉันใด   พระดำริของพระเจ้าก็ไม่มีใครหยั่งรู้ได้   เว้นแต่พระวิญญาณของพระเจ้าฉันนั้น 12เราทั้งหลายไม่ได้รับวิญญาณของโลก   แต่ได้รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า   เพื่อเราทั้งหลายจะได้รู้ถึงสิ่งต่างๆ   ที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่เรา 13เรากล่าวถึงเรื่องสิ่งเหล่านี้   ด้วยถ้อยคำซึ่งมิใช่ปัญญาของมนุษย์สอนไว้   แต่ด้วยถ้อยคำซึ่งพระวิญญาณได้ทรงสั่งสอน   คือเราได้อธิบายความหมายของเรื่องฝ่ายวิญญาณ   ให้คนที่มีพระวิญญาณ
“เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป   ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง   และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง”  ผู้ที่เติบโตแล้วจะไม่หลงกลคำสอนเท็จแต่ชัดเจนในหลักความเชื่อและสัจธรรมแห่งพระวจนะของพระเจ้าโดยการสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์
3.      ความมีเหตุผลแบ่งแยกผิดชอบชั่วดี  (1 คร 14:20, ฮบ 5:14)
20ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย   ความคิดของท่านอย่าให้เป็นอย่างเด็ก   ในเรื่องความชั่วร้ายจงเป็นอย่างทารก   แต่ฝ่ายความคิดจงให้เป็นอย่างผู้ใหญ่
14อาหารแข็งเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่   สำหรับผู้ที่ได้รับการฝึกหัดอบรมให้สามารถรู้จักผิดชอบชั่วดีแล้ว
“ความคิดของท่านอย่าให้เป็นอย่างเด็ก   ในเรื่องความชั่วร้ายจงเป็นอย่างทารก   แต่ฝ่ายความคิดจงให้เป็นอย่างผู้ใหญ่”  ผู้ที่เติบโตแล้วจะมีความสามารถเอาตนเองออกจากทางของความอธรรมได้โดยการเชื่อฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ตรัสในจิตใจของตน
4.      ความกระตือรือร้นในการรับใช้ตามของประทาน  ( 1 คร 14:1, มก 10:43,45)
1จงมุ่งหาความรัก   และขวนขวายของประทานฝ่ายพระวิญญาณด้วยความจริงใจ   เฉพาะอย่างยิ่งการเผยพระวจนะ
43แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่   ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน   ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย 44และถ้าผู้ใดใคร่จะเป็นเอกเป็นต้น   ผู้นั้นจะต้องเป็นทาสสมัครของคนทั้งปวง 45เพราะว่าบุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ   แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา   และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก”
“จงมุ่งหาความรัก   และขวนขวายของประทานฝ่ายพระวิญญาณด้วยความจริงใจ   เฉพาะอย่างยิ่งการเผยพระวจนะ” การรับใช้เป็นเครื่องชี้วัดการเติบโตได้เป็นอย่างดี อย่างเช่นพระเยซูคริสต์ตรัสว่า ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน   ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย .....เพราะว่าบุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ   แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา   และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก”
5.      การเกิดผล   (ยน 15:8,16 )
พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก   ท่านก็เป็นสาวกของเรา
16ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา   แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย   และได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล   และเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่   เพื่อว่าเมื่อท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา   พระองค์จะได้ประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่าน
“พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก   ท่านก็เป็นสาวกของเรา ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา   แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย   และได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล”  ไม้ผลเมื่อเติบโตมันก็จะเกิดผล มนุษย์เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีครอบครับ ชีวิตฝ่ายวิญญาณก็เช่นนั้น เมื่อเราเติบโตชีวิตของเราก็จะเกิดผลในฝ่ายวิญญาณแน่นอน
สรุป 

เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงคิดอย่างนั้น   และถ้าท่านคิดอย่างอื่น   พระเจ้าก็จะทรงโปรดให้เรื่องนั้นประจักษ์แก่ท่านด้วย แต่เราได้แค่ไหนแล้ว   ก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป (ฟป 3:15-16)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น