โครงเรื่องคำเทศนา
วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2018
หัวข้อ “เครื่องมือวัดการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์”
พระธรรม 1 โครินธ์
13:10-11, ฟป 3:15-16
10แต่เมื่อความสมบูรณ์มาถึงแล้ว ความบกพร่องนั้นก็จะสูญไป 11เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก คิดอย่างเด็ก ใคร่ครวญหาเหตุผลอย่างเด็ก แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย 12เพราะว่าบัดนี้เราเห็นสลัวๆเหมือนดูในกระจก แต่เวลานั้นจะได้เห็นพระพักตร์ชัดเจน เดี๋ยวนี้ความรู้ของข้าพเจ้าไม่สมบูรณ์
เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า
15เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงคิดอย่างนั้น และถ้าท่านคิดอย่างอื่น
พระเจ้าก็จะทรงโปรดให้เรื่องนั้นประจักษ์แก่ท่านด้วย 16แต่เราได้แค่ไหนแล้ว ก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป
คำนำ เป้าหมายคริสตจักรปี 2018 - 2020
“เจริญเติบโตสู่ความไพบูลย์ เพิ่มพูนคริสตจักร”
คำว่าเครื่องวัด
โดยทั่วไปหมายถึงอุปกรณ์ที่ใช้วัดสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น ตลับเมตรใช้วัดความยาว
ตราชั่งใช้วัดน้ำหนัก ปรอทใช้วัดอุณหภูมิ เป็นต้น เครื่องมือวัดการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์
ก็หมายถึง พฤติการณ์บางประการในชีวิตคริสเตียน ที่บ่งบอกได้ว่าคริสเตียนคนนั้นได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ตามลำดับ
โดยเราจะมาใคร่ครวญเครื่องมือวัดบางประการดังต่อไปนี้ ....
1.
การกินอาหารฝ่ายวิญญาณ (ฮบ 5:12-14)
12ถึงแม้ว่าขณะนี้ท่านทั้งหลายควรจะเป็นครูได้แล้ว แต่ท่านก็ต้องให้คนอื่นสอนท่านอีก
ในเรื่องหลักธรรมเบื้องต้นแห่งพระวจนะของพระเจ้า ท่านทั้งหลายต้องกินน้ำนมไม่ใช่อาหารแข็ง 13เพราะว่าทุกคนที่ยังกินน้ำนมนั้น ยังไม่เข้าใจในเรื่องความชอบธรรม เพราะเขายังเป็นผู้เยาว์ 14อาหารแข็งเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่
สำหรับผู้ที่ได้รับการฝึกหัดอบรมให้สามารถรู้จักผิดชอบชั่วดีแล้ว
“ทุกคนที่ยังกินน้ำนมนั้น ยังไม่เข้าใจในเรื่องความชอบธรรม เพราะเขายังเป็นผู้เยาว์
อาหารแข็งเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่” คริสเตียนที่เติบโตฝ่ายวิญญาณจะสามารถเรียนรู้และ
เข้าใจพระวจนะของพระเจ้าได้ได้อย่างลึกซึ้ง
แต่เด็กฝ่ายวิญญาณยังต้องเรียนหลักความเชื่อเบื้องต้นอยู่ตอลอดเวลา
2.
ความชัดเจนในหลักความเชื่อและสัจธรรมที่ถูกต้อง (อฟ 4:14, 1 คร 2:10-14)
14เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง
และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง
10พระเจ้าได้ทรงสำแดงสิ่งเหล่านั้นแก่เราทางพระวิญญาณ
เพราะว่าพระวิญญาณทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้เป็นความล้ำลึกของพระเจ้า 11อันความคิดของมนุษย์นั้น ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้
เว้นแต่จิตวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้นเองฉันใด พระดำริของพระเจ้าก็ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ เว้นแต่พระวิญญาณของพระเจ้าฉันนั้น 12เราทั้งหลายไม่ได้รับวิญญาณของโลก แต่ได้รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า เพื่อเราทั้งหลายจะได้รู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่เรา 13เรากล่าวถึงเรื่องสิ่งเหล่านี้ ด้วยถ้อยคำซึ่งมิใช่ปัญญาของมนุษย์สอนไว้ แต่ด้วยถ้อยคำซึ่งพระวิญญาณได้ทรงสั่งสอน คือเราได้อธิบายความหมายของเรื่องฝ่ายวิญญาณ ให้คนที่มีพระวิญญาณ
“เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง
และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง”
ผู้ที่เติบโตแล้วจะไม่หลงกลคำสอนเท็จแต่ชัดเจนในหลักความเชื่อและสัจธรรมแห่งพระวจนะของพระเจ้าโดยการสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์
3.
ความมีเหตุผลแบ่งแยกผิดชอบชั่วดี (1 คร 14:20, ฮบ 5:14)
20ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ความคิดของท่านอย่าให้เป็นอย่างเด็ก ในเรื่องความชั่วร้ายจงเป็นอย่างทารก แต่ฝ่ายความคิดจงให้เป็นอย่างผู้ใหญ่
14อาหารแข็งเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่ สำหรับผู้ที่ได้รับการฝึกหัดอบรมให้สามารถรู้จักผิดชอบชั่วดีแล้ว
“ความคิดของท่านอย่าให้เป็นอย่างเด็ก ในเรื่องความชั่วร้ายจงเป็นอย่างทารก แต่ฝ่ายความคิดจงให้เป็นอย่างผู้ใหญ่” ผู้ที่เติบโตแล้วจะมีความสามารถเอาตนเองออกจากทางของความอธรรมได้โดยการเชื่อฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ตรัสในจิตใจของตน
4.
ความกระตือรือร้นในการรับใช้ตามของประทาน ( 1 คร 14:1, มก 10:43,45)
1จงมุ่งหาความรัก
และขวนขวายของประทานฝ่ายพระวิญญาณด้วยความจริงใจ เฉพาะอย่างยิ่งการเผยพระวจนะ
43แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่ ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย 44และถ้าผู้ใดใคร่จะเป็นเอกเป็นต้น ผู้นั้นจะต้องเป็นทาสสมัครของคนทั้งปวง 45เพราะว่าบุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา
และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก”
“จงมุ่งหาความรัก
และขวนขวายของประทานฝ่ายพระวิญญาณด้วยความจริงใจ เฉพาะอย่างยิ่งการเผยพระวจนะ”
การรับใช้เป็นเครื่องชี้วัดการเติบโตได้เป็นอย่างดี อย่างเช่นพระเยซูคริสต์ตรัสว่า
ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน
ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย
.....เพราะว่าบุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา
และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก”
5.
การเกิดผล (ยน 15:8,16 )
พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก ท่านก็เป็นสาวกของเรา
16ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย
และได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล และเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะได้ประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่าน
“พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก ท่านก็เป็นสาวกของเรา
ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา
แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย
และได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล” ไม้ผลเมื่อเติบโตมันก็จะเกิดผล
มนุษย์เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีครอบครับ ชีวิตฝ่ายวิญญาณก็เช่นนั้น
เมื่อเราเติบโตชีวิตของเราก็จะเกิดผลในฝ่ายวิญญาณแน่นอน
สรุป
เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงคิดอย่างนั้น และถ้าท่านคิดอย่างอื่น พระเจ้าก็จะทรงโปรดให้เรื่องนั้นประจักษ์แก่ท่านด้วย
แต่เราได้แค่ไหนแล้ว
ก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป (ฟป 3:15-16)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น