โครงร่างคำเทศนา
วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2020
พระธรรม โรม 8.1-27
หัวข้อ พระราชกิจของพระวิญญาณต่อผู้ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์
คำนำ
พระเยซูคริสต์ได้เสด็จเข้ามาในโลกนี้
เพื่อจะทรงทำให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จ นั่นก็คือ การทรงไถ่มนุษย์ที่บนไม้กางเขน และพระองค์ทรงตรัสว่า
จะทูลขอพระบิดา ให้ส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มาเพื่อจะอยู่กับผู้ที่เชื่อในพระองค์
ซึ่งพระวิญญาณได้เสด็จมาแล้ว และอยู่ในชีวิตเราแล้ว ดังนั้น วันนี้เรามาใคร่ครวญว่า
พระวิญญาณทรงทำพระราชกิจอย่างไร ในชีวิตคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์.... (เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์โดยความเชื่อ)
1 เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลาย ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ 2 เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ ได้ทำให้ข้าพเจ้าพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย 3 เพราะว่าสิ่งซึ่งธรรมบัญญัติทำไม่ได้ เพราะเนื้อหนังทำให้อ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าได้ทรงกระทำแล้ว โดยพระองค์ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ในสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาป และเพื่อไถ่บาป พระบุตรในเนื้อหนังจึงได้ทรงปรับโทษบาป 4 เพื่อสิ่งที่ธรรมบัญญัติสั่งไว้ จะได้สำเร็จในตัวเราทั้งหลาย ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ 5 เพราะว่าคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง ก็ปักใจในสิ่งซึ่งเป็นของของเนื้อหนัง แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณ ก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของพระวิญญาณ 6 ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนัง ก็คือความตาย และซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณ ก็คือชีวิตและสันติสุข 7 เหตุว่าใจซึ่งปักอยู่กับเนื้อหนังนั้นก็เป็นศัตรูต่อพระเจ้า หาได้อยู่ใต้บังคับธรรมบัญญัติของพระเจ้าไม่ และที่จริงจะอยู่ใต้บังคับธรรมบัญญัตินั้นไม่ได้ 8 และคนทั้งหลายที่อยู่ใต้เนื้อหนัง จะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็หามิได้
9 ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลายจริงๆ แล้ว ท่านก็มิได้อยู่ใต้เนื้อหนัง แต่อยู่ใต้พระวิญญาณ ผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์ 10 และถ้าพระคริสต์อยู่ในท่านทั้งหลายแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายของท่านจะตายไปเพราะบาป แต่วิญญาณจิตของท่านก็จะดำรงอยู่เพราะความชอบธรรม 11 ถ้าพระวิญญาณของพระองค์ ผู้ทรงชุบให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย ทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย พระองค์ผู้ทรงชุบให้พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตายแล้วนั้น จะทรงกระทำให้กายซึ่งต้องตายของท่าน เป็นขึ้นมาใหม่ โดยเดชแห่งพระวิญญาณของพระองค์ซึ่งทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย 12 ดูก่อน พี่น้องทั้งหลาย เหตุฉะนั้นเราทั้งหลายเป็นหนี้ แต่มิใช่เป็นหนี้ฝ่ายเนื้อหนัง ที่จะดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง 13 เพราะว่าถ้าท่านทั้งหลายดำเนินชีวิตตามฝ่ายเนื้อหนังแล้ว ท่านจะต้องตาย แต่ถ้าโดยฝ่ายพระวิญญาณ ท่านได้ทำลายการของฝ่ายกายเสียท่านก็จะดำรงชีวิตได้
14 เพราะว่าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำผู้ใด ผู้นั้นก็เป็นบุตรของพระเจ้า 15 เหตุว่าท่านไม่ได้รับน้ำใจทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่ท่านได้รับพระวิญญาณผู้ทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า ให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า “อับบา” คือพระบิดา 16 พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราทั้งหลายว่า เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า 17 และถ้าเราทั้งหลายเป็นบุตรแล้ว เราก็เป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ เมื่อเราทั้งหลายทนทุกข์ทรมานด้วยกันกับพระองค์นั้น ก็เพื่อเราทั้งหลายจะได้ศักดิ์ศรีด้วยกันกับพระองค์ด้วย
18 เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าความทุกข์ลำบากแห่งสมัยปัจจุบัน ไม่สมควรที่จะเอาไปเปรียบกับศักดิ์ศรี ซึ่งจะเผยให้แก่เราทั้งหลาย 19 ด้วยว่าสรรพสิ่งที่ทรงสร้างแล้ว มีความเพียรคอยท่าปรารถนาให้บุตรทั้งหลายของพระเจ้าปรากฏ 20 เพราะว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง ไม่ใช่ตามใจชอบของตนเอง แต่เป็นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงให้เข้าอยู่นั้น 21 ด้วยมีความหวังใจว่า สรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมสลาย และจะเข้าในเสรีภาพและศักดิ์ศรีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า 22 เรารู้อยู่ว่าบรรดาสรรพสิ่งที่ทรงสร้างนั้นกำลังคร่ำครวญ และผจญความทุกข์ยากด้วยกันมาจนทุกวันนี้ 23 และไม่ใช่เท่านั้น แต่เราทั้งหลายเองด้วย ผู้ได้รับพระวิญญาณเป็นผลแรก ตัวเราเองก็ยังคร่ำครวญคอยการที่พระเจ้าทรงให้เป็นบุตร คือที่จะทรงให้กายของเราทั้งหลายรอดตาย 24 เหตุว่าเราทั้งหลายรอดแม้เป็นเพียงความหวังใจ แต่ความหวังใจในสิ่งที่เราเห็นได้ หาเป็นความหวังใจไม่ ด้วยว่าใครเล่าจะยังหวังในสิ่งที่เขาเห็น 25 แต่ถ้าเราทั้งหลายคอยหวังใจในสิ่งที่เรายังไม่ได้เห็น เราจึงมีความเพียรคอยสิ่งนั้น
26 ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเรา ในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ 27 และพระองค์ผู้ทรงชันสูตรใจมนุษย์ ก็ทรงทราบความหมายของพระวิญญาณเพราะว่าพระวิญญาณทรงอธิษฐานขอเพื่อธรรมิกชนตามที่ชอบพระทัยพระเจ้า
1.
ทรงเป็นผู้ค้ำประกันความรอดให้เรา 1-8
1.1. โดยพระวิญญาณทรงรับรองให้เราพ้นจากบาปและความตาย
2, อฟ 1.13
1.2. โดยพระวิญญาณทรงรับรองให้เราพ้นจากการพิพากษาลงโทษ
1
1.3. โดยพระวิญญาณทรงรับรองความชอบธรรมให้เรา
4
2.
ทรงเป็นพยานยืนยันว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า
14-17
2.1. ได้หลุดพ้นจากการเป็นทาส
15ก
2.2. ได้สิทธิ์เรียกพระเจ้าว่า
“อาบา” คือพระบิดา 15ข
ชาวยิวไม่กล้าเอ่ยพระเจ้าว่าพระบิดา
ก่อนหน้าพระเจ้าทรงกำหนดให้เราเป็นบุตร พระเยซูคริสต์ทรงประทานสิทธิให้เราเป็นบุตร และพระวิญญาณทรงยืนยันว่าราเป็นบุตรพระเจ้า
2.3. ได้เป็นทายาทรับทอดมรดก
16
2.4. ได้รับศักดิ์ศรีด้วยกันกับพระเยซูคริสต์
17
3.
ทรงเป็นองค์พระผู้นำและผู้ช่วยเหลือยามเราอ่อนแอ
26-27
3.1. ทรงนำเราในการดำเนินชีวิตในทางอันชอบธรรม
5-9
3.2. ทรงอธิษฐานวิงวอนเพื่อเราในยามที่เราอ่อนแอ
26-27
4.
ทรงเป็นผู้ทำให้เราเป็นขึ้นเข้าสู่สภาวะนิรันดร์
9-13, 18-25
4.1. จิตวิญญาณของเราจะดำรงอยู่กับพระคริสต์เป็นนิตย์
4.2. จะทรงชุบกายที่ตายให้เป็นขึ้นกับพระคริสต์เข้าสู่สภาวะนิรันดร์
พระวิญญาณทรงบุคคลหนึ่งในพระเจ้าตรีเอกานุภาพ
ทรงทำพระราชกิจร่วมกับพระบิดา พระบุตรเป็นหนึ่งเดียวกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชีวิตของคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ จงเอาใจใส่พระวิญญาณ สามัคคีธรรมกับพระวิญญาณ
ดำเนินชีวิตตามการทรงนำของพระวิญญาณ ไวต่อเสียงเตือนของพระวิญญาณ
เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่ภายในชีวิตเรา ทรงพร้อมเสมอที่จะช่วยในยามที่เราอ่อนแรง
“จงสามัคคีธรรมกับพระวิญญาณทุกๆ วัน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น