วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2567

วันลบบาป “ยมคิปปูร์” เลวีนิติ 16.1-34, พระธรรมฮีบรู 9.1-14, 23-28, 10.1-4, 11-18

 

โครงร่างคำเทศนา วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2024



หัวเรื่อง                วันลบบาป “ยมคิปปูร์”

คำนำ                   

ในช่วงเดือนตุลาคมมีวันสำคัญในพระคัมภีร์อยู่สองอย่าง คือวันลบบาป และเทศกาลอยู่เพิง ในพระคัมภีร์บอกว่าวันลบบาปจะมีขึ้นในวันที่สิบเดือนเจ็ดของทุกๆ ปี ในปีนี้วันลบบาปตรงกับวันที่สิบเอ็ดเดือนตุลาคม ปัจจุบันชาวยิวเรียกว่า “ยมคิปปูร์” วันนี้เราจะมาใคร่ครวญพระคัมภีร์ด้วยกัน

พระธรรม            เลวีนิติ  16.1-34, พระธรรมฮีบรู  9.1-14, 23-28, 10.1-4, 11-18

9 ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรแก่เจ้าทั้งหลายว่าในวันที่สิบเดือนที่เจ็ด พวกเจ้าต้องปฏิเสธความปารถนาของตนเอง และต้องไม่ทำการงานใดๆ ทั้งตัวชาวเมืองเองหรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า 30 เพราะว่าในวันนี้จะเป็นวันลบมลทินของพวกเจ้า และชำระพวกเจ้าให้พ้นจากความบาปทั้งสิ้นของพวกเจ้า พวกเจ้าจึงสะอาดเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 31 เป็นวันสะบาโตให้เจ้าทั้งหลายหยุดพักสงบ พวกเจ้าต้องปฏิเสธความปรารถนาของพวกเจ้า ทั้งนี้ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวร 32 ให้ปุโรหิตผู้ถูกเจิม และรับการสถาปนาเป็นปุโรหิตแทนบิดาของตนทำการลบมลทิน ให้เขาสวมเสื้อผ้าป่านคือเสื้อตำแหน่งบริสุทธิ์ 33 ให้เขาลบมลทินแก่อภิสุทธิสถาน ให้เขาลบมลทินให้แก่เต็นท์นัดพบ และให้แก่แท่นบูชา ให้เขาลบมลทินให้แก่ปุโรหิตทั้งหลายและประชาชนทั้งหมดของชุมนุมชนนั้น 34 ทั้งนี้ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรแก่เจ้าทั้งหลาย ให้ทำการลบมลทินเพื่อคนอิสราเอลปีละครั้ง เพราะบาปทั้งสิ้นของเขาโมเสสก็ทำตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาท่านไว้

1.         ความหมายและความสำคัญของวันลบบาป “ยมคิปปูร์”

1.1.     เป็นข้อกำหนดให้อิสราเอลทำปีละ 1 ครั้ง (วันที่ 10 เดือน 7)  ข้อ 29

1.2.     เพื่อไถ่โทษบาปของปุโรหิต และของประชาชน  1-5

1.3.     เพื่อให้อิสราเอลถ่อมใจและบังคับตนและรับพระกรุณาคุณของพระเจ้า  29-31

2.         หลักการและวิธีการของวันลบบาป

2.1.     มหาปุโรหิตจะใช้วัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของตนเอง นำเลือดวัวปะพรมที่หน้าหีบพันธสัญญาและบนพระที่นั่งกรุณา 11-14

2.2.     มหาปุโรหิตจะใช้ลูกแกะตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของประชาชน นำเลือดแกะปะพรมที่หน้าหีบพันธสัญญาและพระที่นั่งกรุณา 15-19

2.3.     มหาปุโรหิตจะใช้แกะอีกตัวหนึ่งที่มีชีวิตวางมือบนหัวแกะ แล้วสารภาปบาปของประชาชนทุกอย่าง แล้วให้เอาแกะไปปล่อยทิ้งในป่า 20-22

3.          การลบมลทินบาปที่แท้จริง  พระธรรมฮีบรู  9.1-14, 23-28, 10.1-4, 11-18

3.1.        พระเยซูคริสต์ทรงเป็นมหาปุโรหิตแห่งสิ่งประเสริฐ เป็นนิตย์  ฮบ 9.11, 7.24-25

11 แต่เมื่อพระคริสต์เสด็จมาในฐานะมหาปุโรหิตแห่งบรรดาสิ่งประเสริฐซึ่งมาถึงแล้ว พระองค์ก็เสด็จเข้าไปสู่พลับพลาที่ใหญ่และสมบูรณ์ยิ่งกว่าแต่ก่อน (ที่ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ คือไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างของโลกนี้)

ฮบ 7. 24-25   แต่พระเยซูองค์นี้ทรงดำรงตำแหน่งปุโรหิตตลอดกาล เพราะพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ชั่วนิรันดร์ 25 เพราะเหตุนี้ พระองค์จึงทรงสามารถช่วยคนทั้งหลายที่เข้ามาใกล้พระเจ้าโดยทางพระองค์นั้นอย่างเต็มที่ เพราะว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ทุกเวลา เพื่อทูลขอเผื่อคนเหล่านั้น

3.2.        พระเยซูคริสต์ทรงถวายพระองค์เอง  เป็นเครื่องบูชาลบบาปชั่วนิรันดร์  9.12-14

12 พระองค์เสด็จเข้าไปในวิสุทธิสถานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์ 13 เพราะว่าถ้าเลือดแพะและเลือดวัวตัวผู้ และเถ้าของลูกโคตัวเมีย ที่ประพรมลงบนคนบาปสามารถชำระมนุษย์ให้บริสุทธิ์ได้ 14 พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ผู้ได้ทรงถวายพระองค์เองแด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ให้เป็นเครื่องบูชาอันปราศจากตำหนิก็จะทรงชำระได้มากยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด เพื่อให้จิตใจของคนที่หมกมุ่นในการประพฤติที่นำไปสู่ความตาย หันไปรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่

3.3.        พระเยซูคริสต์ทรงกำจัดบาปทั้งสิ้นเพียงครั้งเดียวและสมบูรณ์นิรันดร์ 23-28, 10.10-14

23 เหตุฉะนั้นจึงจำเป็นต้องชำระล้างแบบจำลองของสวรรค์ โดยใช้เครื่องบูชาอย่างนี้ แต่ว่าของจริงจากสวรรค์นั้น ต้องชำระให้บริสุทธิ์ด้วยเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าเครื่องบูชาเหล่านั้น 24 เพราะว่าพระคริสต์ไม่ได้เสด็จเข้าในสถานศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ อันเป็นแบบจำลองจากของจริง แต่พระองค์ได้เสด็จไปสวรรค์นั้น เพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้าเพื่อเราทั้งหลาย 25 พระองค์ไม่ต้องทรงถวายพระองค์เองซ้ำอีก ไม่เหมือนมหาปุโรหิตที่เข้าไปในวิสุทธิสถานทุกปี และนำเอาเลือดซึ่งไม่ใช่โลหิตของตัวเองเข้าไปด้วย 26 เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นพระองค์คงจะต้องทรงทนทุกข์ทรมานหลายครั้ง นับตั้งแต่สร้างโลกมา แต่ความจริงพระองค์ทรงปรากฏเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในปลายยุค เพื่อกำจัดบาปให้หมดสิ้นไป โดยการถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา 27 มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด 28 พระคริสต์ก็ฉันนั้น คือพระองค์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาครั้งเดียว เพื่อจะได้ทรงแบกบาปของคนเป็นอันมากไว้พระองค์จะทรงปรากฏเป็นครั้งที่สอง มิใช่เพื่อกำจัดบาป แต่เพื่อช่วยบรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์ด้วยใจจดจ่อให้ได้รับความรอด

10 และโดยน้ำพระทัยนั้นเองที่เราทั้งหลายได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ โดยการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

 11 ฝ่ายปุโรหิตทุกคนก็ยืนปฏิบัติกิจอยู่ทุกวัน โดยการนำเครื่องบูชาอย่างเดียวกันมาถวายเนืองๆ เครื่องบูชานั้นจะลบล้างบาปไม่ได้เลย 12 แต่เมื่อพระคริสต์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องสัตวบูชาเพราะบาปเพียงครั้งเดียว เป็นเครื่องบูชาที่ลบบาปได้ตลอดไป พระองค์ก็เสด็จประทับเบื้องขวาของพระเจ้า  13 เพื่อทรงคอยอยู่จนกระทั่งศัตรูของพระองค์ถูกนำมาเป็นแท่นรองพระบาทของพระองค์  14 โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียวพระองค์ก็ได้ทรงกระทำให้คนทั้งหลายที่ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นถึงความสมบูรณ์เป็นนิตย์

การตอบสนอง

หลังจากการถวายเครื่องบูชาลบบาปของตนเอง และสำหรับประชาชนแล้ว  มหาปุโรหิตจะต้องทำพิธีชำระและการถวายตนเองอีกครั้ง  

สำหรับเราทั้งหลายที่เชื่อ  เราได้รับพระคุณอันใหญ่หลวงจากพระเยซูคริสต์ เพื่อหลุดพ้นบาป ได้กลับคืนดีกับพระเจ้า ได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว  และเรากำลังรอคอยพระองค์เสด็จมาเพื่อรับเราไปอยู่กับพระองค์ในสวรรค์   สิ่งที่เราควรทำในปัจจุบันนี้คือ ถวายตัวของเราเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอยู่ (รม 12.1)  ช่วยคนที่ยังไม่เชื่อให้เขาได้รับพระคุณเหมืออย่างเรา  นั่นคือการประกาศข่าวประเสริฐนั่นเอง

การส่งต่อความเชื่อสู่คนรุ่นถัดไป 2 ทิโมธี 1:5, กิจการ 12:12,13:13, 2 ทิโมธี 4:11 2 ทธ 2.2

 

โครงเทศนาวันอาทิตย์ที่  8  กันยายน  2024

คริสตจักรพระคุณเชียงราย  

 


ข้อพระธรรม        2 ทิโมธี 1:5, กิจการ 12:12,13:13, 2 ทิโมธี  4:11 2 ทธ 2.2

2Tim 2:2 จงมอบคำสอนเหล่านั้น ซึ่งท่านได้ยินจากข้าพเจ้าต่อหน้าพยานหลายคน ไว้กับคนที่ซื่อสัตย์ที่สามารถสอนคนอื่นได้ด้วย

2Tim 1:5 ข้าพเจ้าระลึกถึงความเชื่ออย่างจริงใจของท่าน อันเป็นความเชื่อซึ่งเมื่อก่อนได้มีอยู่ในโลอิสยายของท่าน และในยูนีสมารดาของท่าน และบัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีอยู่ในท่าน

Acts 12:12 เมื่อเปโตรคิดอย่างนั้นแล้วก็มาถึงตึกของมารีย์ มารดาของยอห์นผู้มีชื่ออีกว่ามาระโก ที่นั่นมีหลายคนได้ประชุมอธิษฐานกันอยู่

 

หัวเรื่อง      การส่งต่อความเชื่อสู่คนรุ่นถัดไป

บทนำ        

ปัญหาของการส่องต่อความเชื่อสู่คนรุ่นถัดไป เช่น อิสราเอล อเมริกา 70  อังกฤษ 46 ฝรั่งเศส 58   เกาหลี  29

 

1.  อะไรคือการส่งต่อความเชื่อสูคนรุ่นถัดไป

1.1.             หมายถึง  คนรุ่นหนึ่งกำลังจะจากไป และคนรุ่นใหม่กำลังเติบโตขึ้นมา  เด็กไม่ใช่อนาคตของคริสตจักรแต่เป็นปัจจุบันของคริสตจักร

1.2.             หมายถึง  การส่งต่อความเชื่อในพระเจ้า  การรู้จักพระเจ้า ตรีเอกานุภาพ  ที่ส่งต่อจาก คนรุ่นหนึ่งไปสู่คนรุ่นถัดไป

1.3.             จากพระคัมภีร์ตอนนี้ คือความเชื่อในพระเจ้าได้ส่งต่อกันมาแต่ละชั่วอายุคน คือจากโลอีส  ส่งต่อให้ยูนีส  และส่งต่อถึงธิโมธี    และอีกคนคือ นางมารีย์ได้ส่งต่อความเชื่อในพระเจ้าให้กับยอห์นมาระโก   ผลคือ ทั้งทิโมธีและมาระโกต่างก็ได้มาเป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์เจ้า และรับใช้อย่างเข้มแข็ง    

2.  ความสำคัญของการส่งต่อความเชื่อสู่คนรุ่นถัดไป

2.1.            เพราะคนรุ่นหนึ่งกำลังจะจากไปและคนอีกรุ่นกำลังเติบโตขึ้นมา

2.2.            เพราะมีพระเจ้าเที่ยงแท้แต่เพียงพระองค์เดียว   (ฉธบ 6:4)

Deut 6:4 โอ คนอิสราเอล จงฟังเถิดพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราทั้งหลายเป็นพระเจ้าเดียว

Deut 6:7 และพวกท่านจงอุตส่าห์สอนถ้อยคำเหล่านั้นแก่บุตรหลานของท่าน เมื่อท่านนั่งอยู่ในเรือน เดินอยู่ตามทาง และนอนลงหรือลุกขึ้น จงพูดถึงถ้อยคำนั้น

 

 

2.3.            เพราะความรอดมีในพระเยซูคริสต์ผู้เดียวเท่านั้น  (กจ 4:12)

Acts 4:12 ​ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า

2.4.            เพราะเด็กเป็นปัจจุบันของคริสตจักร   สภษ 22.6

Prov 22:6 จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น

3.  จะส่งต่อความเชื่อให้คนรุ่นถัดไปได้อย่างไร

3.1.            สอนลูกหลานให้รู้จักพระเจ้า   (ฉธบ 6:7)

Deut 6:7 และพวกท่านจงอุตส่าห์สอนถ้อยคำเหล่านั้นแก่บุตรหลานของท่าน เมื่อท่านนั่งอยู่ในเรือน เดินอยู่ตามทาง และนอนลงหรือลุกขึ้น จงพูดถึงถ้อยคำนั้น

 

3.2.            เลี้ยงดูลูกหลานตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า  (อฟ 6:4) สุภาษิต 13:24

Eph 6:4 ฝ่ายท่านผู้เป็นบิดา อย่ายั่วบุตรของตนให้เกิดโทสะ แต่จงอบรมบุตรด้วยการสั่งสอน และการเตือนสติตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า

 

3.3.            โดยการฝึกลูกหลานในทางของพระเจ้า  (สภษ 22:6,  1 ทธ 4:7-8)  

Prov 22:6 จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น

 

3.4.            โดยการส่งเสริมสนับสนุนลูกหลานเข้าร่วมการรับใช้   (1 ซมอ 1:26-28)

26 นางก็กล่าวว่าท่านเจ้าข้า ท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ท่านเจ้าข้า ดิฉันเป็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ที่นี่ต่อหน้าท่าน และอธิษฐานต่อพระเจ้า 27 ดิฉันอธิษฐานขอเด็กคนนี้ และพระเจ้าประทานตามคำทูลขอของดิฉัน 28 เพราะฉะนั้นดิฉันจึงให้ยืมเขาไว้แด่พระเจ้าตราบใดที่เขามีชีวิตอยู่ ดิฉันจะให้ยืมเขาไว้แด่พระเจ้าและเขาก็นมัสการพระเจ้าที่นั่น

 

3.5.            คริสตจักรเปิดโอกาส สร้างโอกาสให้เด็ก-อนุชนมีพื้รที่ของการรับใช้

 

สรุป 

คนรุ่นถัดไปไม่ใช่อนาคตของคริสตจักร แต่เป็นปัจจุบันของคริสตจักร  เราต้องเปิดพื้นที่ สร้างโอกาส สนับสนุนคนรุ่นใหม่ แล้วคริสตจักรจะไม่ขาดคนรุ่นใหม่ในการรับใช้พระเจ้า 

“คนชั่วอายุหนึ่งจะสรรเสริญพระราชกิจของพระองค์ ให้คนอีกชั่วอายุหนึ่งฟัง และประกาศกิจการอันทรงอานุภาพของพระองค์   สดด 145.4