โครงร่างคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2022
หัวเรื่อง องค์ประกอบที่ทำให้คริสตจักรเกิดการฟื้นฟู
พระธรรมกิจกการ บทที่ 1-8, 13
คำนำ
“การฟื้นฟูจะเริ่มต้นที่เชียงรายก่อน”
เป็นคำที่ได้ยินครั้งแรกเมื่อปี 2000 จนวันนี้ก็ยังพูดกันอยู่ว่า “การฟื้นฟูจะเริ่มต้นที่เชียงรายก่อน” ในปี 2028 นี้จะครบรอบ 200
ปีโปรเตสแต้นท์ในประเทศไทย เรามี คริสเตียนประมาณ 6 แสนคน คาทอลิกอีกประมาณ 4
แสนคน ในขณะที่ประเทศไทยมีประชากรประมาณ 70 ล้านคน
ในพระธรรมกิจการกล่าวถึงผู้เชื่อหลังจากที่พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์
ว่ามีประมาณ 120 คน ต่อมามี 3 พันคน 4 พันคน 5 พันคน แล้วขยายไปยังคนต่างชาติ จากบทที่ 1-8 ครอบคลุมเวลาประมาณ 5 ปี อะไรทำให้คริสตจักรเกิดการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ให้เรามาใคร่ครวญจากพระธรรมกิจการถึงองค์ประกอบบางประการของการฟื้นฟู
1.
ผู้เชื่อมีชีวิตที่เต็มเปี่ยม
(ประกอบ) ด้วยฤทธิ์เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ บทที่ 2.1-3, 1.8, อฟ 5.18
พจนานุกรมให้ความหมายว่า
มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งบรรจุอยู่จนไม่มีที่ว่าง หมายถึง... ยอมให้พระวิญญาณครอบครอง
ทรงนำเรา คริสเตียนจะมีประสบการณ์กับพระวิญญาณสองอย่าง (1) การบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเรากลับใจบังเกิดใหม่ 1 คร 12.13 (2)
การเต็มเปี่ยม(เต็มล้น / ประกอบ) ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
และวิธีที่เราจะเต็มล้นด้วยพระวิญญาณก็คือ ***
โดยการร้องเพลงนมัสการอธิษฐานอย่างจริงใจ อฟ 5.19, 1 คร 14.15 *** โดยการอ่านใคร่ครวญพระคำของพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง
“ภาวนาพระคำของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน”
สดด 1.3 บางครั้งอาจต้องได้รับการอธิษฐานวางมือ
ผลที่เกิดขึ้นเมื่อเราเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์คือ
............................
2.
คริสตจักรมุ่งมั่นในการรับใช้ + ประกาศข่าวประเสริฐแท้
2.14,37-41
หลังจากพวกสาวกได้รับพระราชทานฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์
พวกเข้ามีความกล้าหาญ ความร้อนรนในการรับใช้
โดยเฉพาะการประกาศข่าวประเสริฐเรื่องการตาย –
การเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริสต์ จนสาวกเพิ่มขึ้น 3 พัน 4 พัน 5 พัน และขยายไปยังยูเดีย สะมาเรีย
และไปสู่ชนนานาชาติ
3.
ความหิวกระหายในพระวจนะและการร่วมสามัคคีธรรมของผู้เชื่อ 2.42-47
42 เขาทั้งหลายได้ขะมักเขม้นฟังคำสอนของจำพวกอัครทูตและร่วมสามัคคีธรรม ทั้งขะมักเขม้นในการหักขนมปังและการอธิษฐาน 43 เขามีความเกรงกลัวด้วยกันทุกคน และพวกอัครทูตทำการอัศจรรย์ และหมายสำคัญหลายประการ 44 บรรดาผู้ที่เชื่อถือนั้นก็อยู่พร้อมกัน ณ ที่แห่งเดียว และทรัพย์สิ่งของของเขาเหล่านั้นเขาเอามารวมกันเป็นของกลาง 45 เขาจึงได้ขายที่ดินและทรัพย์สิ่งของ มาแบ่งให้แก่คนทั้งปวงตามซึ่งทุกคนต้องการ 46 เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขา ร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและใจกว้างขวาง ทุกวันเรื่อยไป 47 ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็ชอบใจ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ทรงโปรดให้คนทั้งหลายซึ่งกำลังจะรอด มาเข้ากับพวกสาวกทุกวันๆ
4.
เกิดหมายสำคัญและการอัศจรรย์ 3,
5.12-16
12 มีหมายสำคัญและการอัศจรรย์หลายอย่าง ซึ่งอัครทูตได้ทำด้วยมือของตนในหมู่ประชาชน พวกสาวกอยู่พร้อมกันในเฉลียงของซาโลมอน 13 คนอื่นๆ ไม่อาจเข้ามาอยู่ด้วย แต่ประชาชนเคารพอัครทูตมาก 14 มีชายหญิงเป็นอันมากที่เชื่อถือ ได้เข้ามาเป็นสาวกของพระเจ้ามากกว่าก่อน 15 จนเขาหามคนเจ็บป่วยออกไปที่ถนนวางบนที่นอนและแคร่ เพื่อเมื่อเปโตรเดินผ่านไป อย่างน้อยเงาของท่านจะได้ถูกเขาบางคน 16 ประชาชนได้ออกมาจากเมืองที่อยู่ล้อมรอบกรุงเยรูซาเล็ม พาคนป่วยและคนที่มีผีโสโครกเบียดเบียนมา และทุกคนก็หาย
5.
ผู้เชื่อ อธิษฐานร่วมกันด้วยใจร้อนรน
2.42, 4.31
2.42 ขาทั้งหลายได้ขะมักเขม้นฟังคำสอนของจำพวกอัครทูตและร่วมสามัคคีธรรม ทั้งขะมักเขม้นในการหักขนมปังและการอธิษฐาน 4.31
เมื่อเขาอธิษฐานแล้ว ที่ซึ่งเขาประชุมอยู่นั้นได้หวั่นไหว และคนเหล่านั้นประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าด้วยใจกล้าหาญ
6.
ผู้เชื่อมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและห่วงใยคนภายนอก
4.32-37
32 คนทั้งปวงที่เชื่อนั้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และไม่มีใครอ้างว่าสิ่งของที่ตนมีอยู่เป็นของตน แต่ทั้งหมดเป็นของกลาง 33 อัครทูตจึงประกอบด้วยฤทธิ์เดชใหญ่ยิ่ง เป็นพยานว่าพระเยซูเจ้าได้ทรงคืนพระชนม์แล้ว และพระคุณอันใหญ่ยิ่งได้อยู่กับเขาทุกคน 34 เพราะว่าในพวกศิษย์ไม่มีผู้ใดขัดสน ผู้ใดมีไร่นาบ้านเรือนก็ขายเสีย 35 และนำเงินค่าของที่ขายได้นั้นมาวางไว้ที่เท้าของอัครทูต อัครทูตจึงแจกจ่ายให้ทุกคนตามที่ต้องการ 36 เป็นต้นว่าโยเซฟ ที่อัครทูตเรียกว่า บารนาบัส แปลว่าลูกแห่งการหนุนน้ำใจ เป็นพวกเลวีชาวเกาะไซปรัส 37
มีที่ดินก็ขายเสียและนำเงินค่าที่นั้นมาวางไว้ที่เท้าของอัครทูต
7.
การข่มเหงเป็นตัวเร่งให้เกิดการฟื้นฟูและเกิดผลท่ามกลางคนต่างชาติ
8.1-3
คราวนั้นเกิดการข่มเหงคริสตจักรครั้งใหญ่ในกรุงเยรูซาเล็ม และศิษย์ทั้งปวงนอกจากพวกอัครทูตได้กระจัดกระจายไปทั่วแว่นแคว้นยูเดียกับสะมาเรีย 2 ผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้าก็ฝังศพสเทเฟนไว้ แล้วคร่ำครวญอาลัยถึงท่านอย่างยิ่ง 3 ฝ่ายเซาโลพยายามทำลายคริสตจักร โดยเข้าไปฉุดลากชายหญิงจากทุกบ้านทุกเรือนเอาไปจำไว้ในคุก
8.
คริสตจักรมีวิสัยทัศน์ในงานมิชชั่น
13.1-3
1 คราวนั้นในคริสตจักรที่อยู่ในเมืองอันทิโอก มีบางคนที่เป็นผู้พยากรณ์และอาจารย์ มีบารนาบัส สิเมโอนที่เรียกว่านิเกอร์กับลูสิอัสชาวเมืองไซรีน มานาเอนผู้ได้รับการเลี้ยงดูเติบโตขึ้นด้วยกันกับเฮโรดเจ้าเมือง และเซาโล 2 เมื่อคนเหล่านั้นกำลังนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าและถืออดอาหาร พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสสั่งว่า “จงตั้งบารนาบัสกับเซาโลไว้สำหรับการซึ่งเราเรียกให้เขาทำนั้น” 3 เมื่อถืออดอาหารอธิษฐาน และวางมือบนบารนาบัสกับเซาโลแล้ว เขาก็ใช้ท่านไป
สรุป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น